“KWM” เร่งไลน์ผลิตภาคการเกษตร แห่ง 3 ชูนวัตกรรม Robot ควบคุมการผลิต
สบช่องเปิดตลาด CLMV- นิวซีแลนด์ สยายปีกสร้างมูลค่ายอดขาย ตปท.เพิ่ม
บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (“KWM”) ประกาศเดินหน้า รุกขยายกำลังการผลิตไลน์ที่ 3 ของภาคการเกษตร โดยใช้ นวัตกรรม Robot ในการผลิตทั้งหมด คาดติดตั้งเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ชี้ช่วยลดต้นทุนต่อหน่วย-เพิ่มความสามารถทำกำไร-เสริมศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมลุยเดินเครื่องไตรมาส 4/65 นี้ เพื่อเล็งต่อยอดรองรับการขยายตลาดต่างประเทศในอนาคต จ่อประเดิมบุกตลาด CLMV แห่งแรก พร้อมสบช่องศึกษาตลาดนิวซีแลนด์ เมืองแห่งเกษตรกรรม ลุ้นรอฟังข่าวดี ขณะที่โรงสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย-พืชกระท่อม เดินหน้าตามแผน ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสกัดสาระสำคัญที่ได้จากพืชกระท่อม คาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะเริ่มวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส1/2566
นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ “KWM” ผู้นำด้านธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเพิ่มไลน์กำลังการผลิตที่3 ของภาคการเกษตร เพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศ และต่างประเทศ ภายหลังจากที่บริษัทฯได้มีการวางแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยไลน์ผลิตใหม่จะติดตั้งเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ และจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 4/2565 นี้ สำหรับไลน์ผลิตดังกล่าว จะใช้นวัตกรรม Robot ในการควบคุมการผลิต จำนวน 5 ตัว และมีพนักงานควบคุมเพียง 2 คนในขณะที่ไลน์ผลิตที่ 1 และ 2 เป็นรูปแบบการผลิตแบบเมนนวล (manual) ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง (Economies of Scale) เพิ่มความสามารถในการแข่งขันไปยังตลาดต่างประเทศได้ดีขึ้น
“ปัจจุบันกำลังการผลิตไลน์ที่ 1 และ 2 มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 นาทีต่อการผลิต 1 แผ่นใบผาล โดยใช้พนักงานในการควบคุมการผลิตทั้งหมด 11 คน ขณะที่ในไลน์ผลิตที่ 3 จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1 นาทีต่อการผลิต 1 แผ่นใบผาลเช่นกัน แต่จะใช้พนักงานในการควบคุมการผลิตเพียง 2 คนเท่านั้น ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง อย่างไรก็ตาม 2 ไลน์ผลิตแรก สามารถผลิตใบผาลได้ประมาณ 1,000 แผ่นต่อวัน ซึ่งถือว่าเต็มความต้องการของคูโบต้า ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ KWM แต่ไลน์ผลิตที่ 3 จะเข้ามาเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 2 เท่า โดยใช้แรงงานเท่าเดิม ทำให้บริษัทฯเหลือความสามารถในการขยายตลาดเพิ่มขึ้น และยังมีต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่ดีให้กับบริษัทฯด้วย”
ทั้งนี้ สำหรับแผนการเพิ่มไลน์ที่ 3 ส่งผลให้บริษัทฯมีศักยภาพในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯเตรียมมุ่งเน้นขยายไปในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม)เป็นแห่งแรก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีตัวแทนจำหน่ายในประเทศพม่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวแทนในประเทศดังกล่าวได้มีการแนะนำสินค้าไปยังประเทศลาว นอกจากนี้บริษัทฯยังมีตัวแทนจำหน่ายในเขตชายแดนประเทศไทย และได้นำสินค้าไปขายในประเทศกัมพูชา ด้วยเช่นเดียวกัน พร้อมกันนี้ บริษัทฯมุ่งเน้นในการหาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรโดยตรง ในประเทศลาว ประเทศกัมพูชา และประเทศเวียดนาม อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาในการเข้าไปขยายตลาดสู่ประเทศนิวซีแลนด์ เนื่องจากประเทศดังกล่าวเป็นประเทศเกษตรกรรม โดยปัจจุบันมีคู่ค้าจากประเทศนิวซีแลนด์ เข้ามาเจรจากับทางบริษัทฯในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกันถึงจะมีความชัดเจน
ส่วนกรณีแผนความคืบหน้า บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (“KWHB”) นั้น ประธานกรรมการบริหาร “KWM” ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเดินหน้าก่อสร้างโรงงาน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2565นี้ ก่อนที่จะติดตั้งเครื่องสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย พืชกระท่อม และดำเนินการสกัดในเชิงพาณิชย์ในขั้นตอนต่อไป โดยปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสกัดสาระสำคัญที่ได้จากพืชกระท่อม ทั้งในรูปแบบตัวละลายน้ำ และรูปแบบแคปซูล เป็นต้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการขอเลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารสกัดจากพืชกระท่อม จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งนี้คาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะเริ่มวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 1/2566