ปัญหา ค่าไฟฟ้าราคาแพง โดยมีการปรับเพิ่มขึ้นมาก่อนหน้านี้ และลากยาวต่อเนื่องมาจนถึงปี 2567 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาคครัวเรือน ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง จะทำให้ภาระหนี้สินครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นได้ ขณะเดียวกัน ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน เนื่องจาก ค่าไฟฟ้า ถือเป็นหนึ่งในต้นทุนสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิต ยิ่งไปกว่านั้น ยังกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอีกด้วย
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ค่าไฟฟ้ามีราคาแพง อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้หน่วยการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เช่น การเปิดเครื่องปรับอากาศ หรือ การเปิดพัดลมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน, เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุด และแหล่งพลังงานหลักในการผลิตราคาสูงขึ้น เป็นต้น
ทั้งนี้ ในฤดูร้อนของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด สำหรับในปี 2567 การไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ซึ่งมีพื้นที่การให้บริการในเขตกรุงทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ ได้คาดการณ์ค่า Peak Demand ในระบบจำหน่ายของ MEA ไว้ที่ 9,934 เมกะวัตต์ หรือเพิ่มขึ้น 1.2% จากปี 2566 ที่ผ่านมาจากจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งหมด 4,266,995 ราย โดยจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน-ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
ขณะที่ หน่วยจำหน่ายไฟฟ้าของ MEA ทั้งหมดของปี 2567 คาดว่าจะมีจำนวน 53,994 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 0.1% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว การใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชน การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า และการเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ เพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ FT เรียกเก็บในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2567 คงเดิมที่ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.7833 บาทต่อหน่วยแล้ว ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็น 4.1805 บาทต่อหน่วย ซึ่งเท่ากับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน
พร้อมกันนี้ เนื่องจากการใช้ไฟฟ้าในระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กฟผ. มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงจำเป็นต้องนำเข้า LNG เพื่อเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นในการผลิตไฟฟ้า ดังนั้น ในช่วงฤดูร้อน กกพ. จึงเชิญชวนผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ให้มีสภาพการใช้งานที่ดี เพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่มีสภาพอากาศร้อน
รวมถึง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ 5 ป. ได้แก่ ปลด หรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อใช้งานเสร็จ, ปิด หรือดับไฟเมื่อเลิกใช้งาน, ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศา, เปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 และปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นเพื่อลดอุณหภูมิภายในบ้าน ซึ่งทั้ง 5 ป. จะช่วยลดการนำเข้า LNG ลดการเกิดใช้ไฟฟ้าสูงสุดรอบใหม่ (New Peak Demand) ในระบบไฟฟ้า อีกทั้ง ยังช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าอีกด้วย
ปิดท้ายฉบับนี้กับวิสัยทัศน์ คุณเกียรติยศ วงศ์กิตติชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เพ้นท์ จำกัด หรือ Worldpaint ผู้ผลิตสินค้าสีทาบ้านคุณภาพสูง เผยกลยุทธ์สร้างการเติบโตธุรกิจ เดินหน้าเน้นการทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง มุ่งพัฒนาโปรดักส์ด้วยนวัตกรรมและกรีน ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้าน ผู้อาศัย และคนรุ่นใหม่ พร้อมเตรียมลุยส่งออก CLMV โดยเฉพาะเวียดนาม คาดปี 2567 ยอดขายโต 15-20% มั่นใจอุตสาหกรรมก่อสร้างยังเติบโตได้ต่อเนื่อง
