ความผันผวน ของราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทั้งราคาน้ำมันเบนซิน และดีเซล นับเป็นปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน โดยราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 30 บาทต่อลิตรในขณะนี้ มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของผู้ประกอบการภาคการขนส่งหรือ โลจิสติกส์ รวมทั้ง ยังทำให้ภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มมากขึ้น จากการดำเนินกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทาง และการประกอบอาชีพ เป็นต้น
สำหรับราคาน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงขึ้นเกินกว่า 30 บาทต่อลิตรในประเทศไทย เป็นผลมาจากการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 1 บาทของกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการลดภาระให้กับผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้รักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล โดยมีการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน กบน. ระบุว่า ในอนาคตอาจจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาเป็นแบบขั้นบันได เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัจจุบันสถานะกองทุนฯ ติดลบไปแล้วกว่า 103,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 56,407 ล้านบาท ส่วนก๊าซ LPG ติดลบ 47,213 ล้านบาท โดยปัจจุบัน กบน. มีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 4.77 บาทต่อลิตร หรือ คิดเป็นเงินประมาณกว่า 8,000 ล้านบาทต่อเดือน และหากไม่มีการชดเชย ราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ น้ำมันดีเซล คิดเป็นสัดส่วน 40% ของต้นทุนการขนส่ง และจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคขนส่ง หรือ โลจิสติกส์ได้มีการปรับราคาค่าขนส่งสินค้าแล้วร้อยละ 3 อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันดีเซลขยับขึ้นอีกเป็น 1 บาทต่อลิตร อาจจะต้องปรับขึ้นค่าขนส่งราวร้อยละ 6 ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สินค้าอุปโภคและบริโภคมีการปรับเพิ่มราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
สำหรับวิกฤติราคาน้ำมันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ประกอบการภาคการขนส่ง หรือ โลจิสติกส์ และประชาชนผู้ใช้น้ำมันดีเซลเท่านั้น โดยผู้ใช้น้ำเบนซินได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน จากการที่ราคาในปัจจุบันได้มีการปรับเพิ่มมาอยู่ที่ระดับมากกว่า 38 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้ง คาดว่ามีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้นอีกในปีนี้
ด้านแนวทางในการประหยัดพลังงานน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการภาคการขนส่ง หรือ โลจิสติกส์ ผู้ใช้น้ำมันดีเซล และผู้ใช้นำมันเบนซินจะต้องดำเนินการ เพื่อให้การใช้งานเกิดความคุ้มค่า และมีประสิทธิภาพ อาทิ การวางแผนการเดินทางที่ดี และการตรวจและดูแลสภาพรถให้มีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอ เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศอีกด้วย เพราะในอนาคตเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซินจะปรับตัวลดลง หรือ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดกี่บาทต่อลิตร
ปิดท้ายฉบับนี้กับวิสัยทัศน์ คุณกิตติธัช อติยุทธกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กิฟต์แมนูแฟคตอรี่ จำกัด โดยเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจมุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม พร้อมชู 4 Core Value สร้างความเชื่อมั่นใจและไว้วางใจ Branding, Design, Quality และ Service ปีนี้ลุยดันของพรีเมี่ยมรักษ์โลกตอบโจทย์เทรนด์ ESG พร้อมสนองความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริง เชื่อ! ด้วยคุณภาพที่ดี ดีไซน์ที่สวยงาม ทันสมัย รักษ์โลก และใช้งานได้จริง จะสร้างความประทับให้แก่ผู้รับและส่งเสริมการรับรู้แบรนด์ของลูกค้าอย่างมี Impact และยั่งยืน
