ราคา พลังงานเชื้อเพลิงก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas) หรือ ก๊าซ LPG ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน ซึ่งจะทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้นท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัว ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นจากภาระค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกมิติให้แก่ประชาชน รวมถึง ผู้ประกอบการทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซ LPG ในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยล่าสุด คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ได้ประกาศตรึงราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน 423 บาท สำหรับถัง 15 กิโลกรัมออกไปอีก 3 เดือน คือ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2567 โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันมาอุดหนุนต่อไป ถึงแม้ว่าสภาพของกองทุนน้ำมันจะติดลบหนัก 110,743 ล้านบาทแล้วก็ตาม
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันติดลบจากการอุดหนุนราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas) หรือ ก๊าซ LPG จำนวน 47,622 ล้านบาท โดยอุดหนุนก๊าซ LPG อยู่ในอัตรา 4.75 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ หากไม่มีการอุดหนุน แท้จริงแล้วราคาก๊าซ LPG จะอยู่ที่ 30.62 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาก๊าซ LPG ถังขนาด 15 กิโลกรัมตามกลไกตลาดจะอยู่ที่ 459.43 บาทต่อถัง
ขณะที่ ราคาน้ำมัน ปัจจุบันกองทุนน้ำมันอุดหนุนอยู่ทำให้ติดลบ 63,121 ล้านบาท โดยมีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 2.02 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งอยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ หากไม่มีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลจะปรับตัวไปแตะที่ระดับ 35 บาทต่อลิตรอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินในประเทศได้มีการปรับตัวสูงขึ้น โดยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2567 ดังนั้น กบง. จึงได้มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันสำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นประชาชนกลุ่มเปราะบาง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือในช่วงที่ระดับราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูง เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านราคาน้ำมัน ลดภาระค่าครองชีพ ลดความเหลื่อมล้ำ รวมทั้ง เพิ่มศักยภาพให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ปัจจุบัน วิกฤตพลังงานได้ส่งผลกระทบหนักทั่วโลก โดยทุกประเทศอาจต้องเผชิญความเสี่ยงทั้งปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และราคาเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ดังนั้น ความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน และประชาชนทุกคนในประเทศเพื่อช่วยกันประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง และทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยอยู่รอดในภาวะวิกฤตพลังงานเช่นนี้
ปิดท้ายฉบับนี้กับวิสัยทัศน์ คุณวชิรวิทย์ พูน รองประธานกรรมการบริหารเครือบริษัท แองโกลอีสต์กรุป หรือ AEG โดยเผยทิศทางธุรกิจลุยขยาย 16 สาขาในไทย เตรียมเดินหน้าทำ R&D สินค้าและบริการใหม่ๆ รองรับการบริการด้านความปลอดภัยที่ตอบโจทย์และครอบคลุม พร้อมชูแนวทางการบริหารองค์กรด้วยแนวคิด “EASE” เน้นสร้างความสบายใจทั้งลูกค้าและคนในองค์กร
