“โลตัส” (Lotus’s) เตรียมออกหุ้นกู้ครั้งแรก ภายใต้เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำนวน 4 รุ่น อายุไม่เกิน 7 ปี
โดยหุ้นกู้รุ่นอายุ 3 ปี อายุ 5 ปี และอายุ 7 ปี ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 3.00-4.00% ต่อปี คาดเสนอขายผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนสถาบัน เดือน ต.ค. 2565 พร้อมอันดับเครดิต A+ สะท้อนความแข็งแกร่งทั้งฐานะการเงินและโอกาสทางธุรกิจ
“โลตัส” (Lotus’s) ผู้นำค้าปลีก New SMART Retail ดำเนินงานภายใต้ชื่อจดทะเบียน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (“บริษัทฯ”) เตรียมเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบันได้จองซื้อหุ้นกู้ที่จะออกและเสนอขายเป็นครั้งแรก จำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วยหุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยรอประกาศ, และรุ่นอายุ 3 ปี, อายุ 5 ปี และอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยคาดว่าอยู่ระหว่าง 3.00-4.00% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและของหุ้นกู้ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” โดย ทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 พร้อมแต่งตั้งสถาบันการเงินชั้นนำ 8 แห่ง คาดเสนอขายในเดือนตุลาคม 2565 มั่นใจเป็นโอกาสที่ดีและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งทั้งฐานะการเงินและโอกาสการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงยังเป็น “ครั้งแรก” กับการลงทุนในหุ้นกู้ของธุรกิจค้าปลีกแบบ omni-channel
บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำขนาดใหญ่ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยรอประกาศ, อายุ 3 ปี ประมาณการช่วงอัตราดอกเบี้ยเบื้องต้น [3.00-3.25]% ต่อปี, อายุ 5 ปี ประมาณการช่วงอัตราดอกเบี้ยเบื้องต้น [3.30-3.55]% ต่อปี และอายุ 7 ปี ประมาณการช่วงอัตราดอกเบี้ยเบื้องต้น [3.75-4.00]% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน
โดยอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศอีกครั้งในภายหลัง เสนอขายให้กับผู้ลงทุนรายใหญ่ และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน ผ่านสถาบันการเงินที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย 8 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จํากัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเสนอขายในเดือนตุลาคม 2565
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า การออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของผู้ลงทุนที่จะได้ลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทฯ ที่มีโอกาสเติบโตอย่างมีศักยภาพในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต โดยบริษัทฯ มั่นใจว่า หุ้นกู้ “โลตัส” (Lotus’s) จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนรายใหญ่และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้ หุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ “A+” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ซึ่งอยู่ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” โดยเป็นการจัดอันดับ ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2565 สะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกแบบ omni-channel ที่มีช่องทางหลากหลายและครอบคลุม ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยทริสเรทติ้งระบุว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีปัจจัยเสริมความแข็งแกร่งจากการมีพื้นที่เช่าในทำเลที่ดีและลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยคาดว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งในธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่ให้เช่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดที่ดีขึ้น และเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มฟื้นตัว
ปัจจุบัน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) ถือเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกแบบ omni-channel ที่มีช่องทางจัดจำหน่ายหลายรูปแบบ โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 “โลตัส” (Lotus’s) มีร้านค้าปลีกจำนวน 2,597 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 224 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 202 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 2,171 แห่ง ซึ่งธุรกิจในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนระบบการกระจายสินค้าและเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งการเติบโตของยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายร้านค้าทั้ง 2,597 แห่งทั่วประเทศในการเป็น fulfillment center จัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทั่วประเทศไทย รวมทั้งยังร่วมมือกับธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Marketplace) อาทิ Grab, Shopee และ Lazada เพื่อเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภค ตลอดจนการเปิดตัวธุรกิจใหม่ ทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ซึ่งสะท้อนการปรับตัวของ “โลตัส” (Lotus’s) ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ และรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า โดยมีพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 201 แห่ง (ไม่รวมศูนย์การค้าที่มีการลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท หรือ LPF จำนวน 23 แห่ง) มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 784,612 ตารางเมตร โดยมีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตของ “โลตัส” (Lotus’s) เป็นร้านค้าหลัก โดยในจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด บริษัทฯ ถือกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าจำนวน 69 แห่ง ขณะที่อัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) ของศูนย์การค้าอยู่ที่ประมาณ 89% และบริษัทฯ ถือหน่วยลงทุน 25% ในกองทุนรวม LPF ที่ลงทุนในศูนย์การค้า 23 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิถาวรรวมประมาณ 339,000 ตารางเมตร
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 2563 (ระหว่าง 1 มีนาคม 2563-28 กุมภาพันธ์ 2564) บริษัทฯ มีรายได้รวม 174,932 ล้านบาท ขณะที่ 10 เดือนแรกของปี 2564 (ระหว่าง 1 มีนาคม 2564-31 ธันวาคม 2564) บริษัทฯ มีรายได้รวม 143,854 ล้านบาท และจากผลประกอบล่าสุดครึ่งปีแรกของปี 2565 (สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2565) บริษัทฯ มีรายได้รวม 91,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 85,114 ล้านบาท ส่งสัญญาณในทิศทางบวกจากการฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจ ซึ่งเป็นผลจากการที่สามารถเปิดให้บริการศูนย์การค้าได้ตามปกติ
“จากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ “โลตัส” (Lotus’s) สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างโอกาสในการเติบโต แม้ว่า ที่ผ่านมาในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจค้าปลีกจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ “โลตัส” (Lotus’s) ก็สามารถผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายเหล่านั้นมาได้ โดยเรายังคงพร้อมที่จะช่วยให้ลูกค้าของเรา “รู้สึกดีดีทุกวัน ที่โลตัส” ด้วยการจำหน่ายสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึง และการส่งมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ไร้รอยต่อผ่านช่องทาง omni-channel ควบคู่ไปกับการทำสิ่งที่ดีเพื่อลูกค้า พนักงานและชุมชน โดยปัจจุบัน เราให้บริการลูกค้ากว่า 11 ล้านครั้งต่อสัปดาห์ผ่านช่องทางออมนิแชนนัล ทั้งออนไลน์และผ่านสาขา เรายังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน บนหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตลอดจนความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ สังคม และส่วนรวม ซึ่งเชื่อว่า การดำเนินธุรกิจตลอดระยะเวลา 28 ปีของ “โลตัส” (Lotus’s) จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ” นายสมพงษ์กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบันที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ Lotus’s สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้
สำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่ ติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 8 แห่ง ประกอบด้วย
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือ 02-645-5555
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-888-8888 กด 819
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร 0-2111-1111
- ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร 1428 กด#4
- ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-285-1555
- บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)** โทร. 02-165-5555
* ซึ่งรวมถึง บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
** ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน ติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)