November 01, 2024

SMART ชี้สัญญาณบวก ภาคอสังหาฯคึกคัก ดัน Q4/65 โตดี

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

SMART เผยงบ 9 เดือนปี 65 รายได้รวม 409.97 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19.19 ล้านบาท

ชี้สัญญาณบวก ภาคอสังหาฯ คึกคัก ดัน Q4/65 โตดี SMART เผยผลประกอบการ 9 เดือน ปี 2565 รายได้รวม 409.97 ล้านบาท กำไรสุทธิ 19.19 ล้านบาท นโยบายเปิดประเทศหนุน ภาคเอกชนทยอยลงทุน งานโครงการเมกะโปรเจค เร่งก่อสร้าง รองรับการฟื้นตัวเศรษฐกิจ คาดแนวโน้มไตรมาส 4/2565 โตดี รับสัญญาณบวก ภาคอสังหาฯ แนวราบ แนวสูง เร่งส่งมอบงาน ก่อนยกเลิกมาตรการผ่อนปรน LTV นโยบายโครงการ EEC ดันความต้องการวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาเพิ่ม

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2565 มีรายได้รวม 409.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 338.47 ล้านบาท จำนวน 71.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.19 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.46ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3/2565 มีรายได้รวม 144.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 103.35 ล้านบาท จำนวน 40.69 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  6.82 ล้านบาท

ทั้งนี้ผลประกอบการในส่วนของรายได้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเปิดประเทศ ผลักดันให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบ-แนวสูง เร่งก่อสร้างเพื่อเปิดโครงการใหม่ อีกทั้งโครงการภาครัฐ ได้แก่ อาคารหน่วยงานราชการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสีชมพู เร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อส่งมอบให้ทันตามกำหนด ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบา ปรับตัวดีขึ้น และราคาจำหน่ายอิฐมวลเบาปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ กำไรสุทธิปรับตัวลดลง เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงและวัตถุดิบในการผลิตปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/2565 คาดเติบโตดี สัญญาณบวกจากผู้ประกอบการอสังหาฯ โครงการแนวราบ-แนวสูง เร่งกิจกรรมกระตุ้นยอดขายระบายสต๊อกเดิม และ เร่งก่อสร้างโครงการใหม่เพื่อส่งมอบ ก่อนยกเลิกมาตรการผ่อนปรน LTV ภาคธุรกิจที่พักอาศัย อาคาร โรงแรม ร้านอาหาร ดำเนินการก่อสร้าง ปรับปรุง และต่อเติม

อีกทั้ง โครงการเมกะโปรเจคของภาครัฐ อาทิ โครงการรถไฟฟ้า งานก่อสร้างอาคารสำนักงาน เดินหน้าก่อสร้างตามแผน  นอกจากนี้ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน อาคารสนามบิน ส่งผลให้ปริมาณการใช้งานและความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาเพิ่มขึ้น

“แนวโน้มความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ให้ความสำคัญและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น บริษัทมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดยการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าผ่านกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero) ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน อีกทั้งช่วยลดต้นทุน ประหยัดแรงงาน ช่วยแก้ปัญหางานก่อสร้าง ขาดแคลนแรงงาน อาทิ อิฐมวลเบาขนาดพิเศษ และ อิฐมวลเบาเพื่องานตกแต่ง พร้อมทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เจ้าของบ้าน สถาปนิก ผู้รับเหมา บริษัทรับสร้างบ้าน อีกทั้ง ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านกลุ่มโมเดิร์นเทรดและออนไลน์เพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีวางจำหน่ายในไทวัสดุ 64 สาขา โกลบอลเฮ้าส์ จาก 68 สาขา ดูโฮม 20 สาขา ทั่วประเทศ” นายรังสี กล่าว

Page Visitor

012201299
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
9090
11685
79633
9090
432245
12201299
Your IP: 3.15.206.105
2024-11-01 14:36
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.