TGPRO โชว์งบครึ่งปีแรก รายได้รวม 982.42 ลบ. กำไรพุ่ง 100.59% Q3/65 โตต่อ ธุรกิจไฮซีซั่น หนุนมาร์จิ้นเพิ่ม
TGPRO เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 65 รายได้รวม 982.42 ล้านบาท กำไรสุทธิ 51.27 ล้านบาท โต 100.59% ออเดอร์ต่างประเทศพุ่ง มองทิศทางไตรมาส 3/65 ธุรกิจเข้าไฮซีซั่น มุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าใหม่ เพิ่มไลน์การผลิตท่ออุตสาหกรรมเกรดพิเศษ ดีมานด์ท่ออุตสาหกรรมอาหารล้นถึงปี 66 ธุรกิจในเครือเตรียมพิจารณาเพาะปลูกกัญชาเสริมรายได้ ลุ้นมาร์จิ้นดีกว่าเดิม ดันยอดขายรวมแตะ 2,000 ล้านบาท
นายรชต ลีลาประชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TGPRO ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อสแตนเลส ภายใต้เครื่องหมายการค้า “TGPRO” เปิดเผยถึงผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 บริษัทมีรายได้รวม 982.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 813.67 ล้านบาท จำนวน 168.75 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 20.74% และ มีกำไรสุทธิ 51.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.50 ล้านบาท จำนวน 25.71 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100.59%
ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 2/2565 บริษัทมีรายได้รวม 517.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 432.03 ล้านบาท จำนวน 82.94 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.20% และ มีกำไรสุทธิ 27.31 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 34.39 ล้านบาท จำนวน 7.08 ล้านบาท หรือลดลง 20.41%
ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการขยายตัวของตลาดโดยเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง ได้แก่ สินค้าท่ออุตสาหกรรมอาหารในกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา รวมถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศที่มีความต้องการสินค้าประเภทท่ออุตสาหกรรมน้ำแข็ง
ขณะเดียวกัน กำไรสุทธิของไตรมาส 2/2565 ปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาวัสดุหลัก อย่างไรก็ตามบริษัทมีการติดตามสถานการณ์และบริหารจัดการราคาสินค้า ทั้งการวางแผนจัดซื้อวัตถุดิบ และการบริหารต้นทุนที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถส่งสินค้าคุณภาพได้ตามกำหนดเวลา
สำหรับทิศทางการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการก้าวเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีความต้องการใช้ท่ออุตสาหกรรม โดยบริษัทยังคงรักษาการเติบโตของยอดขาย พร้อมวางแผนกลยุทธ์ขยายตลาดผลิตภัณฑ์ท่อสเตนเลสเกรดพิเศษที่มีมาร์จิ้นสูงและต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อาทิ ท่ออุตสาหกรรมน้ำตาลสำหรับกลุ่มลูกค้าในประเทศเพื่อรองรับการขยายปริมาณการผลิตเนื่องจากราคาน้ำตาลมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และมีคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องถึงปี 2566
นอกจากนี้ บริษัทวางแผนการขยายฐานตลาดลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการท่ออุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ ประเทศกลุ่มทวีปอเมริกาใต้ และ ทวีปแอฟริกา ในกลุ่มสินค้าประเภทท่อสเตนเลสแบบไร้ตะเข็บ (Seamless Pipe) และ ท่อสเตนเลสแรงดันสูง
ทั้งนี้ บริษัทได้เพิ่มอุปกรณ์เสริมในการผลิตสินค้า เพื่อรองรับการผลิตท่ออุตสาหกรรมหลายขนาด โดยเฉพาะท่ออุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่ และมีเครื่องหมาย 3A หรือ ทริปเปิ้ลเอ (Triple A) ที่เป็นมาตรฐานด้านสุขอนามัยสำหรับเครื่องจักรผลิตอาหารและนมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตได้ตามมาตรฐาน และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าต่างประเทศ
“บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่าง ๆ ด้วยสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง เพื่อสอดรับกับภาคอุตสาหกรรมอาหารที่เติบโตขึ้น อีกทั้งยังมีการติดตามสถานการณ์ที่จะส่งผลกระทบกับราคาวัสดุอย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังให้สอดคล้องกับสภาวะของตลาด อาทิ การจัดหาวัตถุดิบ, การบริหารคลังสินค้า, การจัดการต้นทุนแรงงาน และ การป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้กับธุรกิจอื่นๆของบริษัทในเครือ ได้แก่ การขยายสาขาร้านทูเดย์สเตนเลส และ ธุรกิจเพาะปลูกกัญชาซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุน โดยบริษัทคาดว่าจากแผนการดำเนินงานทั้งหมดจะส่งผลบริษัทให้มาร์จิ้นของบริษัทดีขึ้น และมียอดขายตามเป้าหมายจำนวน 2,000 ล้านบาทตามแผนที่วางไว้” นายรชต กล่าวเพิ่มเติม