กระทรวงอุตสาหกรรม ชูยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมปลอดภัย ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเพิ่มความแม่นยำ สร้างการอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน
กระทรวงอุตสาหกรรม ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมปลอดภัย ผ่านการดำเนินนโยบาย MIND 4 มิติ พร้อมสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรม สร้างความแม่นยำในภาคการผลิต ตลอดจนกระบวนการตรวจสอบและรายงานผล รักษาความปลอดภัยในพื้นที่โรงงาน สร้างความเชื่อมั่นและการอยู่ร่วมกันกับชุมชนอย่างยั่งยืน
ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า บริบทของโลกเปลี่ยนแปลงไป จากสภาวะความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของภัยสงคราม การเปลี่ยนแปลงของสภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบโดยตรงกับภาคอุตสาหกรรม โดยจากข้อมูลจากรายงานอนาคตการเติบโต The Future of Growth 2024 ของ World Economic Forum พบว่า คะแนนด้านความยั่งยืน (Sustainability) ของประเทศไทยอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในกลุ่มที่มีรายได้ปานกลางระดับบน ดังนั้นความท้าทายของภาคอุตสาหกรรมจึงไม่ใช่การเพิ่มผลกำไร หรือมูลค่าทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะต้องหันกลับมาสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย
โดยการส่งเสริมอุตสาหกรรมยั่งยืน เป็นส่วนหนึ่งในนโยบาย MIND 4 มิติ ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ยึดถือในหลักการใช้หัวและใจปั้นอุตสาหกรรมเคียงคู่ชุมชน ประกอบด้วย
มิติที่ 1 ความสำเร็จทางธุรกิจ โดยการปรับเปลี่ยนไปสู่ อุตสาหกรรมศักยภาพ หรือ S-curve ที่มุ่งเน้นการผลิตและโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและเหมาะสมกับโลกอนาคต
มิติที่ 2 การดูแลสังคมโดยรอบโรงงานอุตสาหกรรม ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างชุมชน สังคม และสถานประกอบการ หรือโรงงานให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นมิตร
มิติที่ 3 การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ตอบโจทย์ไทยและประชาคมโลก ด้วยกลไก การกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ ควบคู่กับส่งเสริมสถานประกอบการ หรือโรงงานด้วยหลักการ BCG และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และ มิติที่ 4 การกระจายรายได้ให้กับประชาชน เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มุ่งส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นระบบ สร้างประโยชน์และพัฒนาชุมชนรอบโรงงานอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มุ่งเน้นการพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะ Smart Factory โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในกระบวนการผลิต ตัวอย่างเช่น การนำระบบ IoT (Internet of Things) มาใช้ในโรงงานช่วยให้สามารถตรวจสอบและควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและการรั่วไหลของสารเคมี การใช้ระบบ AI และ Machine Learning ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ความเสี่ยงล่วงหน้า ทำให้สามารถป้องกันปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น การใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อติดตาม และตรวจสอบย้อนกลับกระบวนการผลิตทั้งหมด การใช้ระบบพลังงานสะอาดและการจัดการของเสียอัจฉริยะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะที่การกระตุ้นอุปสงค์สำหรับภาคอุตสาหกรรมในการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ได้มีการให้คำปรึกษาในการปรับปรุงกระบวนการผลิต การพัฒนามาตรฐาน System Integrator และ System Analytic ตลอดจนการพัฒนาทักษะสำหรับบุคลากร การพัฒนา Industrial Data Analytic and Collaboration Platform เพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ผู้ผลิต หน่วยงานรัฐ และสถาบันการเงิน พร้อมการสนับสนุนมาตรการทางภาษีร้อยละ 100 สำหรับการลงทุนในเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ โดยในปี 2022 มีการติดตั้งหุ่นยนต์อุตสาหกรรมในประเทศไทยประมาณ 3,313 ตัว คิดเป็นอับดับที่ 14 ของโลก และอันดับที่ 2 ของอาเซียน
ดร.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำระบบ IoT เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการประชาชน โดยได้จัดทำระบบ i-Industry ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลในการติดต่อประสานงานและรับบริการต่างๆ เช่น ระบบการออกใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) ระบบชำระค่าธรรมเนียม ระบบการตรวจกำกับโรงงานผ่านระบบอัตโนมัติ i-auditor และระบบรายงานข้อมูลกลางของกระทรวงอุตสาหกรรมสำหรับผู้ประกอบการ iSingle Form ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับรองตนเองผ่านการรายงานข้อมูลการประกอบกิจการโรงงาน เช่น การบริหารจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว การจัดเก็บและการใช้สารเคมีหรือวัตถุอันตรายในการประกอบการ
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังมุ่งเน้นการส่งเสริมและพัฒนาภาคอุตสาหกรรม โดยการเร่งขับเคลื่อนเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอัจฉริยะเพื่อเพิ่มผลิตผลการผลิตและยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจสอบติดตามเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต หรือการตรวจวัดมลพิษแบบ Real Time การพัฒนาระบบการแจ้งเตือนเหตุการณ์ที่ผิดปกติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถติดตามเหตุการณ์และควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ยกระดับความปลอดภัยในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนที่อาศัยอยู่โดยรอบ