50 ปี “สถาบันโรคผิวหนัง” เดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ “เป็นสถาบันที่คนไทยไว้วางใจ และภาคภูมิใจ”
สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เผยแผนการพัฒนาสถาบันปี 2565 พร้อมประกาศศักยภาพ 50 ปี มุ่งปรับวิสัยทัศน์เป็น “สถาบันโรคผิวหนังที่ประชาชนคนไทยไว้วางใจ และภาคภูมิใจ” ชู 2 โครงการหลักเพื่อการเข้าถึงการรักษาของประชาชน
พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แม้ขณะนี้การทำงานของสถาบันโรคผิวหนังจะแบ่งเป็น 2 ส่วน โดยเน้นที่แผนเผชิญหน้าภาวะวิกฤต จากสถานการณ์โควิด-19 แต่เพื่อการพัฒนาสถาบัน ในปี 2565 เราจะคงเดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ 4 ด้านเช่นกัน คือ 1.การให้บริการ 2.วิชาการ 3.การวิจัยและนวัตกรรม และ 4.การบริหารจัดการองค์กร ซึ่งทุกด้านจะมีการนำเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ ด้วยเป้าหมายการเป็น Smart Hospital ตามนโยบายของกรมการแพทย์
อีกทั้งในปี 2565 นี้ สถาบันโรคผิวจะสถาปนาครบรอบ 50 ปี เราจึงได้มีการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์จากการ “เป็นสถาบันแห่งความเป็นเลิศด้านโรคผิวหนังในระดับนานาชาติ” มาเป็น “สถาบันโรคผิวหนังที่ประชาชนคนไทยไว้วางใจ และภาคภูมิใจ” พร้อมได้จัดทำ 2 โครงการในโอกาสครบรอบ 50 ปี เพื่อช่วยเหลือประชาชนในการเข้าถึงการรักษา ซึ่งโครงการแรกจะเป็นโครงการรักษาปานแดงปานดำฟรี เฉพาะที่ปรากฏบนใบหน้า หรือปรากฏในส่วนที่ทำให้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิต โดยการรักษาปานแดงปานดำจะต้องใช้เลเซอร์ในการรักษาถึงประมาณ 12-20 ครั้ง ในระยะเวลา 2-3 ปี และใช้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหานี้ จะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านค่าใช้จ่าย สถาบันโรคผิวหนังจึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบปัญหานี้ และถือเป็นเป็นการทำกุศลในโอกาสครบรอบ 50 ปีด้วย
ส่วนอีกโครงการหนึ่ง จะเป็นโครงการสกินนิ่ง แคนเซอร์ หรือการเฝ้าระวัง ตรวจหามะเร็งผิวหนัง เนื่องจากเราเล็งเห็นว่า ปัจจุบันปัญหาเรื่องของมลพิษ หรือการไปทำให้สีผิวขาวขึ้นมากเกินไป ส่งผลให้มีกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังเพิ่มมากขึ้น ฉะนั้นในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า สถาบันโรคผิวหนังจะทำให้เป็นโครงการนี้ เป็นโครงการระดับชาติในเรื่องมะเร็งผิวหนังของคนไทย ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับเครือข่ายทั้งหมด ทั้งโรงพยาบาลประจำจังหวัด อำเภอ หรือตำบล เพื่อให้สามารถตรวจคัดกรอง เข้าถึง และรักษาผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งผิวหนังได้อย่างทันท่วงที
“ในระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา เราคิดว่าทั้งเจ้าหน้าที่ บุคลากร และสถาบันเองเติบโตมาอย่างเต็มศักยภาพ และสามารถตกผลึกทางความคิด ตกผลึกในเรื่องของบทบาทหน้าที่ และวิธีการทำงานมาพอสมควร จนทำให้สถาบันโรคผิวหนังสามารถที่จะเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของเราได้ว่าต่อไป เรากำลังจะทำอะไรเพื่อประเทศ ซึ่งอย่างที่บอกว่าเป้าหมายต่อไปเราจะเป็นสถาบันโรคผิวหนังของคนไทย ที่คนไทยเชื่อใจ และภาคภูมิใจให้ได้ ซึ่งทุกบทบาทหน้าที่ที่สถาบันต้องทำ เราก็จะพยายามทำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด” พญ.มิ่งขวัญกล่าวทิ้งท้าย
