May 03, 2024

ซัมมิท โอโต บอดี้ อัดฉีดเกือบ 300 ลบ. ฟื้นฟูโรงงาน

ซัมมิท โอโต บอดี้ อัดฉีดเกือบ 300 ลบ. ฟื้นฟูโรงงาน

ซัมมิท โอโต บอดี้ ทุ่มงบเกือบ 300 ลบ. ฟื้นฟูโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ พร้อมมุ่งมั่นเป็นบริษัทชั้นนำในด้านเทคโนโลยีการออกแบบ การผลิต และการส่งมอบชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีคุณภาพในระดับสากล เล็งผลประกอบการปี 2555 ปิดที่ประมาณ 23,000 ลบ.

คุณกรกฤช จุฬางกูร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด เปิดเผยเกี่ยวกับการฟื้นฟูโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากประสบกับวิกฤตมหาอุทกภัยปลายปี  2554 นั้น บริษัทสามารถดำเนินการฟื้นฟูโรงงานให้กลับสู่สภาพเดิมได้อย่างรวดเร็ว และสามารถดำเนินการผลิตได้ภายในเดือนมีนาคม 2555 ทั้งนี้ด้วยเพราะบริษัทยึดหลักในการทำงานเป็นทีม ทั้งผู้บริหารและพนักงานต่างทำงานด้วยความตั้งใจและทุ่มเท จนสามารถกอบกู้สถานการณ์วิกฤตมหาอุทกภัยให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยในปัจจุบันไม่เหลือร่องรอยของความเสียหายจากมหาอุทกภัยในครั้งนั้นเลย ด้วยงบประมาณในการดำเนินการฟื้นฟูเกือบ 300 ล้านบาท

คุณกรกฤช กล่าวต่อว่าจากวิกฤตมหาอุทกภัยในครั้งนั้น ส่งผลให้การผลิตรถยนต์ในต้นปี 2555 ต้องหยุดชะงักลง ในขณะที่ความต้องการรถยนต์ไม่ได้หยุดลงไปด้วย ดังนั้นเมื่อค่ายรถยนต์รวมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนสามารถดำเนินการผลิตได้ตาม ปกติ ยอดความต้องการต่างๆ ที่เคยอั้นไว้ตั้งแต่ปลายปี 2554 ผนวกกับผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่องนโยบายรถคันแรกเป็นแรงขับอย่างเยี่ยม ยอดในการกระตุ้นการสั่งซื้อรถยนต์จากผู้บริโภคแบบถล่มทลาย ส่งผลให้ปี 2555 เป็นปีทองของธุรกิจยานยนต์ โดยยอดการผลิตรถยนต์ในปี 2555 นั้นสูงถึง 2.4 ล้านคัน ดังนั้นในปีนี้ 2556 คาดการณ์ว่าด้วยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่องรถยนต์คันแรกที่ปิดตัวลง หรือการผลิตที่กลับมาสู่ภาวะปกติ ยอดขายภายในประเทศอาจจะลดลงประมาณ 7% แต่ยอดการผลิตมวลรวมยังคงเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยอดการส่งออกน่าจะเพิ่มขึ้นถึง 20%

สำหรับผลประกอบการของ บริษัทในปี 2555 นั้น คุณกรกฤชกล่าวว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการเติบโตของธุรกิจยานยนต์ของประเทศ นั่นคือ บริษัทโตแบบก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน คืออยู่ที่ประมาณ  23,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 50% สำหรับผลประกอบการในปีนี้ 2556 ได้ประมาณการณ์ไว้ว่า ยอดขายน่าจะเติบโตมากกว่า  4%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับธุรกิจในเชิงบวกนั้น บริษัทได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากภาครัฐมาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นโยบายที่มีทิศทางและชัดเจน เช่น การส่งเสริมให้ประเทศก้าวเข้าสู่การเป็น Detroit of Asia  นโยบาย Pick up 1 ton หรือ Eco Car นโยบายรถคันแรก หรือการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการ อีกทั้งยังมองว่า BOI เป็นจุดแข็งของประเทศไทย ซึ่งสามารถดึงต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น  ส่วนปัจจัยเชิงลบ หรือจะกล่าวได้ว่าเป็นความท้าทายต่อวงการชิ้นส่วนยานยนต์นั่นคือการเติบโต แบบก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งอาจส่งผลให้มีการขาดแคลนแรงงานในอนาคตได้

ในอนาคตนั้นคุณกรกฤชมอง ว่าเป็นยุคที่การแข่งขันจะเข้มข้นถึงขีดสุด ดังนั้นเพื่อเป็นการรับมือกับความเสี่ยงนี้กลุ่มบริษัท ได้มีการแตกไลน์ธุรกิจทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ โดยการเพิ่มไลน์ธุรกิจในด้านต่างๆ อาทิเช่น สนามกอล์ฟ โรงแรม ภัตตาคาร โรงเรียน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง อันเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของกลุ่มบริษัท ทั้งนี้ภายใต้การบริหารบริษัทจึงมีวิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยี การออกแบบ การผลิต และการส่งมอบชิ้นส่วนยานยนต์ ที่มีคุณภาพในระดับสากล” โดยเฉพาะในด้านการออกแบบเนื่องจากมองว่าการผลิตตามแบบอย่างเดียวนั้นไม่ เพียงพอ หากแต่ภาคธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์จะต้องสามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบรถยนต์ได้ นับตั้งแต่การ ออกแบบ รวมทั้งการพัฒนาชิ้นส่วนต่างๆ แบบครบวงจร ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบดีไซน์พวงมาลัยให้มีรูปโฉมที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น มีการพัฒนาชิ้นส่วน เพื่อนำมาสู่กระบวนการผลิต จนได้พวงมาลัยรูปลักษณ์ใหม่ ซึ่งบริษัทเองในขณะนี้ก็ได้มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้า เพื่อนำมาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดโดยผ่านกระบวนการ R&D ที่เข้มงวดทุกกระบวนการ

คุณกรกฤช กล่าวต่อถึงนโยบายการปรับค่าแรงขั้น ต่ำเป็น 300 บาทว่า ข้อนี้ไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทมากนักเพราะบริษัทเน้นการใช้หุ่นยนต์เสริมแรง งานคน เพราะสามารถควบคุมคุณภาพและ Efficiency ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการเตรียมรับมือกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคตซึ่งเป็นอีก กลยุทธ์หนึ่งในการดำเนินธุรกิจของบริษัท

สำหรับการเข้าสู่ AEC ในอนาคตอันใกล้นี้คาดว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนเป็นอย่างมาก ด้วยการเป็นอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งอีกทั้งยังมีความได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์ ด้วยที่ตั้งของประเทศเป็นศูนย์กลางของการส่งออก รวมทั้งความพร้อมทางด้านสาธารณูปโภคมากกว่าประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม การที่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยจะสามารถก้าวต่อไปได้อย่างสง่างามใน อนาคตเหมือนที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ผู้ประกอบการจะต้องได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากภาครัฐซึ่งสิ่งที่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนมองว่ามีความสำคัญและจำเป็น เช่น การจัดตั้งศูนย์ทดสอบชิ้นสวนยานยนต์ที่สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของ เทคโนโลยียานยนต์หรือการลดขั้นตอนในการดำเนินการขอยื่นเรื่องลดหย่อนภาษี รวมทั้งการเพิ่มประชาสัมพันธ์ในด้าน BOI ให้มากยิ่งขึ้น

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Sunday, 17 July 2022 11:10
BizFocus

Selfies labore, leggings cupidatat sunt taxidermy umami fanny pack typewriter hoodie art party voluptate. Listicle meditation paleo, drinking vinegar sint direct trade.

www.themewinter.com

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.

Page Visitor

010663751
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
661
5367
26449
10467
147900
10663751
Your IP: 3.145.15.1
2024-05-03 01:45
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.