Biz Focus Magazine เป็นนิตยสารรายเดือนที่ร่วมส่งเสริมนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรม
ทั้งในและต่างประเทศ เชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารระหว่างภาครัฐ - เอกชน และนักลงทุน
+(662) 399-1388
editor@bizfocusmagazine.com
C.P. Land เปิดแผนการลงทุน ลั่นภายใน 5 ปี ปักธงรบครบ 77 จังหวัด
C.P. Land ประกาศแผนการลงทุนเตรียมพัฒนาโปรเจคใหม่กว่า 20 จังหวัด คาดปีนี้โกยกำไรพันล้าน พร้อมตั้งเป้าภายใน 5 ปี ผงาดครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ
คุณสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมากกว่า 20 จังหวัด มูลค่าการลงทุน 15,000 ล้านบาท โดยประกอบด้วย คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว อาคารสำนักงาน รวมทั้งโรงแรมอีก 4 แห่งทั้งในส่วนของการก่อสร้างใหม่และซื้อโรงแรมเก่านำมาปรับปรุงใหม่
ส่วนการลงทุนในกรุงเทพฯ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งประกอบด้วยอาคารสำนักงานและรีเทล ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน 3 แปลงในย่านถนนวิภาวดีรังสิตและถนนรัชดาภิเษก เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC )
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนปรับโฉมซี.พี. ทาวเวอร์ สีลม ในส่วนของบริเวณด้านหน้าอาคาร ซึ่งจะใช้งบประมาณในการดำเนินการ 80 ล้านบาท โดยเป็นโครงการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ส่วนการร่วมทุนกับพันธมิตรจีน ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
คุณสุนทรกล่าวต่อว่าในปีนี้ คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 1,000 ล้านบาทและมีแนวโน้มความเป็นไปได้สูง เพราะบริษัทมีแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจนและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม โดยรายได้จะมาจาก 1. คอนโดมิเนียม ซึ่งปัจจุบันมี Backlog ไม่ต่ำกว่า 5,000 ยูนิต ราคา 1,300,000-1,500,000 บาท/ยูนิต ซึ่งในปีนี้จะทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้รายได้ 3,000 ยูนิต
2. รายได้จากการรับบริหาร 3 อาคาร ( ซี.พี. ทาวเวอร์ สีลม, ฟอร์จูนทาวน์, พญาไท) ซึ่งบริษัทได้นำเข้ากองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และจะมีรายรับตามสัดส่วนการถือหุ้น 33% 3. รายได้จากทั้งอาคารสำนักงานให้เช่าในต่างจังหวัด อาทิ ขอนแก่น นครราชสีมา เป็นต้น 4. รายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่าที่จะสร้างเสร็จในปีนี้ 5. รายได้จากโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว
“ปีนี้ เราตั้งเป้ากำไร 1,000 ล้านบาท เรามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เพราะโครงการที่เรามีในช่วง 2 ปีไปได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ต่างจังหวัด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนในปีที่ผ่านมา เราเปิดโครงการคอนโดมิเนียมกัลปพฤกษ์ที่เชียงราย มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งขายหมดภายใน 2 สัปดาห์ เป็นต้น ตอนนี้เรามีความพร้อมหลายด้าน มีกำลังทุนที่พร้อมจะลงทุน เราสามารถที่จะกู้ได้ในราคาดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดเพราะชื่อเสียงของเรา เรามีวงเงินที่ใช้แบบไม่ต้องเสนอเป็นโครงการ เราซื้อเพื่อทำ ถ้าที่ดินที่เรามองไว้ราคา พันล้าน เรามีตุนไว้เยอะสามารถซื้อที่ได้ 3 แปลงพร้อมกัน”คุณสุนทรกล่าว
คุณสุนทรกล่าวต่อถึงทิศทางการดำเนินงานในระยะเวลา 5 ปีว่า บริษัทตั้งเป้าจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ครบทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งอย่างน้อยจังหวัดละ 2 อาคาร จากปัจจุบันที่ได้พัฒนาลงทุนไปแล้ว 16 จังหวัดทั้งในรูปแบบคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว อาคารสำนักงานให้เช่า อาทิ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช นครราชสีมา อุดรธานี กาญจนบุรี ราชบุรี พิษณุโลก ลำปาง เชียงราย เป็นต้น
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่ายังเติบโตได้ประมาณ 5% หากมีการลงทุนต่อเนื่องโดยเฉพาะโครงการลงทุนของภาครัฐอย่างน้อย 15% จากเงินงบประมาณแต่ละปีที่อยู่ที่ 2 แสนล้านบาท รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งภาคเอกชนไทยมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องระมัดระวังคือความเชื่อมั่นและย้ายฐานการลงทุนของต่างชาติไปยังประเทศที่การเมืองนิ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้ ดังนั้นภาคเอกชนควรจะมีการลงทุนด้วยตนเองมากขึ้น
“ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมเรื่องการค้า ประเทศของเราแข็งแกร่งได้ก็เพราะเรื่องค้าขาย หลายคนบอกว่าเราเติบโตช้า แต่เราก็ฟื้นตัวเร็ว เรามีภาคเอกชนที่ค้าขายเป็นไม่แพ้ประเทศใดๆ ในอาเซียน บางครั้งถึงแม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เราโตช้า แต่ตนมั่นใจว่าเราจะโตเกิน 5% ถ้ามีการลงทุน ” คุณสุนทรกล่าว
คุณสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) พบปะสื่อมวลชนในโอกาสเปิดแผนการดำเนินงานในปี 2557
{gallery}Biz_Interview/2014/bfi_012/cpland/photo{/gallery}
สินธรณีเทงบ 800 ลบ. เนรมิต “วิคตอเรีย การ์เด้นส์”
สินธรณี ทุ่มงบกว่า 800 ลบ. ผุดโครงการ“วิคตอเรีย การ์เด้นส์” บนพื้นที่ 20 ไร่ จะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม พร้อมโชว์ผลงานเยี่ยมอวดผลประกอบการปี 56 โตเพิ่ม 20-30%
คุณวุฒิชัย เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการบริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการ“วิคตอเรีย การ์เด้นส์ (Victoria Gardens)” ศูนย์การค้าสำหรับคนเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทันสมัย โดยใช้งบลงทุนในการก่อสร้าง 800 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ติดถนนเพชรเกษม ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา คาดจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2557
ขณะนี้มีความคืบหน้า 50% คาดจะสามารถคืนทุนและรับรู้กำไรได้ประมาณ 7 ปี ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มเปิดจองพื้นที่ให้เช่าตั้งแต่ต้นปี 2556 ล่าสุดมียอดการจองพื้นที่แล้วกว่า 70% และคาดว่าจะสามารถปิดยอดการเช่าพื้นที่ได้ในไตรมาสแรกของปีนี้
โครงการวิคตอเรีย การ์เด้นส์ ได้รับแรงบันดาลใจจากกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมสวนสวยสไตล์วิคตอเรีย อังกฤษครบครัน ด้วยสินค้าจากร้านค้าแบรนด์ดังกว่า 200 ร้าน มีพื้นที่ให้เช่า 14,000 ตร.ม.และพื้นที่จอดรถที่สามารถรองรับได้ถึง 500 คัน รวมทั้งศูนย์การศึกษาคุณภาพ ร้านอาหารชั้นนำ สถาบันการเงิน และซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนของกลุ่มครอบครัว นักเรียน-นักศึกษา และรองรับกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการจุดนัดพบเพื่อเจรจาธุรกิจ หรือใช้เป็นที่สังสรรค์แห่งใหม่
ด้านจุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ในทำเลที่การเดินทางสะดวกสบาย สามารถเข้า-ออกได้จากถนนสายหลักเพชรเกษม และซอยเพชรเกษม 69 ซึ่งเชื่อมต่อถนนสำคัญอีกหลายสาย เช่น ถนนเอกชัย, ถนนพระราม 2, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี, ถนนพุทธมณฑลสาย 2, 3 และสาย 4 เป็นต้น มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยระบบกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมถึงมีกิจกรรมการตลาดภายในศูนย์การค้าตลอดปีเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ตลอดจนกิจกรรมด้านสุขภาพ ธรรมะ การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และของดีประจำชุมชนต่างๆ
"เรามองว่าถนนเพชรเกษมเป็นทำเลที่จะเป็นจุดสำคัญ เราได้ทำการสำรวจแล้วพบว่ากลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่ใกล้เคียงมีกำลังซื้อสูง ครอบครัวส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ และมีบุตรหลานอยู่ในวัยกำลังศึกษา ซึ่งต้องการสถาบันกวดวิชาที่อยู่ใกล้บ้านและสะดวกต่อการเดินทาง ประกอบกับมีบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่บริเวณดังกล่าวยังไม่มีศูนย์การค้าในลักษณะคอมมูนิตี้มอลล์เลย เราจึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการวิคตอเรีย การ์เด้นส์ " คุณวุฒิชัยกล่าว
คุณวุฒิชัยกล่าวต่อว่าในปีที่ผ่านมาผลประกอบการเติบโตเพิ่ม 20- 30%เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยมีปัจจัยมาจาก1. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีสูงขึ้น 2.การทำตลาดและการขายเชิงรุกมากขึ้น 3.มีการพัฒนา Product ให้ตรงกับความต้องการลูกค้า และ 4.ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวองค์กร จึงมีการบอกต่อแนะนำ
ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้เดินหน้ากลยุทธ์การเติบโต ใน Segment ที่บริษัทมีความแข็งแกร่งและมุ่งเน้นไปทางด้านคอมเมอร์เชียลมากกว่าที่อยู่อาศัย รวมถึงการบริการในรูปแบบการให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน โรงแรม รีเทล (ค้าปลีก) หรือ สำนักงานสำเร็จรูป ทั้งนี้บริษัทคาดว่าแนวโน้มการเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาพรวมของเศรษฐกิจ การขยายเมือง ขยายเส้นทางการคมนาคมการสร้างรถไฟฟ้าต่าง ๆ ทำให้เกิดการลงทุนในทุกภาคส่วน
{gallery}Biz_Interview/2014/bfi_012/victoria/photo{/gallery}
แกรนด์ยูนิตี้ปลื้ม“ยู ดีไลท์เรสซิเดนซ์” กระแสตอบรับดี
แกรนด์ยูนิตี้เปิดตัวโครงการ“ยู ดีไลท์เรสซิเดนซ์”คอนมิเนียมสไตล์บ้านเดี่ยว ย่านทำเลทองพัฒนาการ-ทองหล่อ มูลค่าโครงการรวม 1,500 ลบ. ฟุ้งลูกค้าให้การตอบรับดีโดยมียอดขายกว่า90% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3,300 ลบ. ส่วนปี 2558 คาดรายได้พุ่ง 6,500 ลบ. มั่นใจตัวเลขเข้าเป้าโดยมี Backlog กว่า 8,000 ลบ.
คุณเนรมิต สร้างเอี่ยม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัดเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการยู ดีไลท์ว่าเป็นคอนโดมิเนียมสูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่ 4 ไร่ 1 งาน 81 ตารางวา ตั้งอยู่ในย่านทำเลทองแถวพัฒนาการ – ทองหล่อ มูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนพฤษภาคม 2555และแล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายน รวมทั้งได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าแล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
โครงการยู ดีไลท์เรสซิเดนซ์ (พัฒนาการ - ทองหล่อ) มีทั้งหมด 676 ยูนิต ประกอบด้วย 1 Bed Room มีพื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม., 1 Bed Room Panoมีพื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม., 1 Bed Room Plus มีพื้นที่ใช้สอย 37 ตร.ม., 1 Bed Room Deluxe มีพื้นที่ใช้สอย 40 ตร.ม.และ 2+1 Bed Room มีพื้นที่ใช้สอย 70 ตร.ม.
ทั้งนี้ภายในโครงการประกอบไปด้วย 1. Gate Community ประตู้รั้วเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบ RFID พร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และกล้องวงจรปิดทั่วทั้งโครงการ 2. โถงต้อนรับ มีการออกแบบเรียบง่าย สบายทั้งการมองเห็นและสัมผัสได้จริงในบรรยากาศแบบ Semi-Outdoor 3. คลื่นสนามหญ้า ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเดินเล่น พักผ่อน รายล้อมด้วยธรรมชาติ
4. ห้องสมุด 2 ชั้น ออกแบบให้อยู่ริมอาคารฝั่งที่ติดกับคลองเพื่อให้ได้บรรยากาศของการพักผ่อนในวันว่างไม่ว่าจะเป็นมุมชั้นล่างโปร่งโล่งหรือความเป็นส่วนตัวที่ชั้นบน5. ศาลาท่าน้ำ บรรยากาศธรรมชาติริมน้ำ เหมาะสำหรับการผ่อนคลายทำกิจกรรมสบายๆในครอบครัว 6. สระบัว รายล้อมด้วยธรรมชาติสไตล์ไม่น้ำไทยๆ เพิ่มบรรยากาศให้น่าอยู่ ร่มรื่นใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
7. Jogging Lane อออกกำลังกายด้วยจ๊อกกิ้งเลนบนดาดฟ้ากลางพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 8. ห้องออกกำลังกายและ Sauna & Steam รวมความครบครันทุกความต้องการในที่เดียว ทั้งการออกกำลังกาย และผ่อนคลายในแต่ละวัน และ 9. Infinity-edged Swimming Pool สระว่ายน้ำดีไซน์พิเศษเสมือนไร้ขอบกั้นระหว่างคุณกับอิสระของท้องฟ้า
สำหรับจุดเด่นของโครงการคือขนาดห้องหน้ากว้าง7.6 เมตร โดยทุกห้องจะติดเป็นผนังกระจกเพื่อให้สามารถรับแสงสว่างได้ยามเช้า รวมทั้งสามารถชมวิวทิวทัศน์ข้างนอกได้อย่างลงตัวและทำให้ห้องดูกว้างขวางไม่อึดอัด ส่วนการจัดแบ่งพื้นที่ห้องได้ถูกคำนวณมาเป็นอย่างดีซึ่งทำให้ระยะการใช้สอยต่างๆลงตัวให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้านเดี่ยว
โดยสามารถตอบโจทย์ลูกค้าด้วยตำแหน่งที่ตั้งในการเดินทางที่สะดวกสบาย บนโลเคชั่นใหม่ที่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง อยู่ไม่ไกลจากทองหล่อ เดินทางเข้าสู่ย่าน CBD ได้ง่าย เพราะใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนและสถานีรถไฟฟ้า Airport Link ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิไม่มาก อีกทั้งยังเดินทางออกไปตากอากาศยังแหล่งพักผ่อนชายทะเลบางแสน พัทยาได้อย่างรวดเร็ว
“กระแสตอบรับจากลูกค้าที่มีต่อโครงการยูดีไลท์ดีมาก ทั้งในด้านยอดขายและการเข้าอยู่อาศัยโดยสามารถสังเกตได้จากจำนวนลูกค้าที่ย้ายเข้าอยู่อาศัยในโครงการ ขณะนี้บริษัทมียอดขายกว่า 90% โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 90% เป็นคนไทย อีก10%เ ป็นชาวต่างชาติ” คุณเนรมิตกล่าว
คุณเนรมิตกล่าวต่อถึงผลประกอบการว่าบริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปี 2556 อยู่ที่ 3,300ล้านบาท ส่วนในปี 2557 คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ถึง 4,500ล้านบาท และในปี 2558 คาดการณ์รับรู้รายได้ที่ 6,500 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทคาดว่าเป้าหมายดังกล่าวจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากในปี 2557-2558 บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการเพิ่มอีกหลายโครงการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มยอดขายและรับรู้รายได้ให้บริษัทเป็นจำนวนมาก
“ ตนมั่นใจว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าไว้อย่างแน่อนอนถึงเม้ว่าตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้ค่อนข้างสูง เพราะปัจจุบันเรามียอดขายที่อยู่ในมือประมาณ 8,000 ล้าน หมายถึงเรามี Backlog รอรับรู้รายได้ คือเราขายไปแล้ว เราก็มาสร้าง สร้างเสร็จแล้วก็ไปโอน ตอนนี้เรากำลังก่อสร้างอยู่ เพราะฉะนั้น รายได้ปีหน้า 4,500 ล้านบาท ใช้มาแค่ครึ่งเดียวเอง ส่วนที่เหลือจะไปอยู่ในปี 2558 นอกจากนี้เราต้องเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้วในปี 2557-2558”คุณเนรมิตกล่าว
คุณเนรมิตกล่าวต่อถึงหลักการบริหารองค์กรว่าบริษัทดำเนินการบริหารภายใต้คำว่า F-A-M-E ซึ่งมีความความหมายว่า “ดีขึ้นทุกวัน” โดยต้องการให้พนักงานทุกคนทำทุกอย่างให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน สำหรับF-Foresee คือการมองไปข้างหน้า, A-Assure คือหลักในการทำงานที่สามารถรับประกันและมีการรับรองได้,M-Monitorคือ การตรวจสอบงานทุกอย่างได้ และ E-Enhance คือการต่อยอดที่ดีขึ้น
“ตนอยากทำให้แกรนด์ยูเป็นองค์กรที่มีประสิทธิ์และต้องการให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนไปถึงการทำงานด้วยนั้นคือทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงส่งเสริมให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้องค์กรมีประสิทธิ์ภาพและประสิทธิผลรวมทั้งก้าวต่อไปอย่างเข็มแข็งอย่างยั่งยืนในอนาคต”คุณเนรมิตกล่าว
คุณเนรมิตกล่าวต่อถึงสิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนและส่งเสริมคือการออกระเบียบในด้านการส่งเสริมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการมากกว่าที่จะออกระเบียบป้องกันต่างๆ เพราะในปัจจุบันการดำเนินการต่างๆ จะติดในเรื่องของระเบียบที่เป็นอุปสรรคทำให้การทำงานลำบากมากยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตามหากมีการทำผิดกฏระเบียบที่ภาครัฐกำหนด ควรจะมีการกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงกว่าปกติเพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่นทำผิดซ้ำ
“ปัจจุบัน เอกชนไทยเก่งขึ้นมาก โดยส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครอยากทำผิดกฎหมาย เพราะเวลาที่เสียไปไม่คุ้มกัน ระเบียบภาครัฐต่างๆ ก็ควรที่จะออกมาในเชิงส่งเสริมไม่ใช่เพียงแต่ป้องกันคนไม่ดี ตนเชื่อว่าคนไม่ดีอาจจะมีเพียง 1% แต่ระเบียบจะไปกระทบต่อคนดีอีก 99% ที่เหลือ ซึ่งคนดีย่อมมีมากกว่าคนไม่ดี มิฉะนั้นประเทศของเราจะไม่โตมาจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน”คุณเนรมิตกล่าว