November 22, 2024
×

Warning

JFolder: :files: Path is not a folder. Path: [ROOT]/images/Biz_Interview/2014/bfi_012/cpland/photo

JFolder: :files: Path is not a folder. Path: [ROOT]/images/Biz_Interview/2014/bfi_012/victoria/photo

×

Notice

There was a problem rendering your image gallery. Please make sure that the folder you are using in the Simple Image Gallery plugin tags exists and contains valid image files. The plugin could not locate the folder:

Issue 012 Jan

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive

C.P. Land เปิดแผนการลงทุน ลั่นภายใน 5 ปี ปักธงรบครบ 77 จังหวัด

C.P. Land ประกาศแผนการลงทุนเตรียมพัฒนาโปรเจคใหม่กว่า 20 จังหวัด คาดปีนี้โกยกำไรพันล้าน  พร้อมตั้งเป้าภายใน 5 ปี ผงาดครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ

คุณสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าในปีนี้บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะมากกว่า 20 จังหวัด มูลค่าการลงทุน 15,000 ล้านบาท โดยประกอบด้วย คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว อาคารสำนักงาน รวมทั้งโรงแรมอีก 4 แห่งทั้งในส่วนของการก่อสร้างใหม่และซื้อโรงแรมเก่านำมาปรับปรุงใหม่

 ส่วนการลงทุนในกรุงเทพฯ บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ซึ่งประกอบด้วยอาคารสำนักงานและรีเทล ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน 3 แปลงในย่านถนนวิภาวดีรังสิตและถนนรัชดาภิเษก เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC )

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนปรับโฉมซี.พี. ทาวเวอร์ สีลม ในส่วนของบริเวณด้านหน้าอาคาร ซึ่งจะใช้งบประมาณในการดำเนินการ 80 ล้านบาท โดยเป็นโครงการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่ได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน ส่วนการร่วมทุนกับพันธมิตรจีน ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ 

คุณสุนทรกล่าวต่อว่าในปีนี้ คาดว่าบริษัทจะมีกำไร 1,000 ล้านบาทและมีแนวโน้มความเป็นไปได้สูง เพราะบริษัทมีแผนการดำเนินงานอย่างชัดเจนและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม โดยรายได้จะมาจาก 1. คอนโดมิเนียม ซึ่งปัจจุบันมี Backlog ไม่ต่ำกว่า 5,000  ยูนิต ราคา 1,300,000-1,500,000 บาท/ยูนิต ซึ่งในปีนี้จะทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้รายได้ 3,000 ยูนิต

 2. รายได้จากการรับบริหาร 3 อาคาร ( ซี.พี. ทาวเวอร์ สีลม, ฟอร์จูนทาวน์, พญาไท) ซึ่งบริษัทได้นำเข้ากองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ซี.พี.ทาวเวอร์ โกรท มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และจะมีรายรับตามสัดส่วนการถือหุ้น 33% 3. รายได้จากทั้งอาคารสำนักงานให้เช่าในต่างจังหวัด อาทิ ขอนแก่น นครราชสีมา เป็นต้น 4. รายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่าที่จะสร้างเสร็จในปีนี้  5. รายได้จากโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว

“ปีนี้ เราตั้งเป้ากำไร 1,000 ล้านบาท เรามีความมั่นใจเป็นอย่างมาก เพราะโครงการที่เรามีในช่วง 2 ปีไปได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ต่างจังหวัด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนในปีที่ผ่านมา เราเปิดโครงการคอนโดมิเนียมกัลปพฤกษ์ที่เชียงราย มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งขายหมดภายใน 2 สัปดาห์ เป็นต้น  ตอนนี้เรามีความพร้อมหลายด้าน มีกำลังทุนที่พร้อมจะลงทุน เราสามารถที่จะกู้ได้ในราคาดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดเพราะชื่อเสียงของเรา เรามีวงเงินที่ใช้แบบไม่ต้องเสนอเป็นโครงการ เราซื้อเพื่อทำ ถ้าที่ดินที่เรามองไว้ราคา พันล้าน เรามีตุนไว้เยอะสามารถซื้อที่ได้ 3 แปลงพร้อมกัน”คุณสุนทรกล่าว

คุณสุนทรกล่าวต่อถึงทิศทางการดำเนินงานในระยะเวลา 5 ปีว่า บริษัทตั้งเป้าจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ครบทั้ง 77 จังหวัด ซึ่งอย่างน้อยจังหวัดละ 2 อาคาร จากปัจจุบันที่ได้พัฒนาลงทุนไปแล้ว 16 จังหวัดทั้งในรูปแบบคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว อาคารสำนักงานให้เช่า อาทิ ขอนแก่น นครศรีธรรมราช นครราชสีมา อุดรธานี กาญจนบุรี ราชบุรี พิษณุโลก ลำปาง เชียงราย เป็นต้น

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คาดว่ายังเติบโตได้ประมาณ 5% หากมีการลงทุนต่อเนื่องโดยเฉพาะโครงการลงทุนของภาครัฐอย่างน้อย 15% จากเงินงบประมาณแต่ละปีที่อยู่ที่ 2 แสนล้านบาท รวมถึงการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งภาคเอกชนไทยมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามปัจจัยที่ต้องระมัดระวังคือความเชื่อมั่นและย้ายฐานการลงทุนของต่างชาติไปยังประเทศที่การเมืองนิ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้ ดังนั้นภาคเอกชนควรจะมีการลงทุนด้วยตนเองมากขึ้น

“ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความพร้อมเรื่องการค้า ประเทศของเราแข็งแกร่งได้ก็เพราะเรื่องค้าขาย หลายคนบอกว่าเราเติบโตช้า แต่เราก็ฟื้นตัวเร็ว เรามีภาคเอกชนที่ค้าขายเป็นไม่แพ้ประเทศใดๆ ในอาเซียน บางครั้งถึงแม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เราโตช้า แต่ตนมั่นใจว่าเราจะโตเกิน 5% ถ้ามีการลงทุน  ” คุณสุนทรกล่าว

คุณสุนทร  อรุณานนท์ชัย  กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน)   พบปะสื่อมวลชนในโอกาสเปิดแผนการดำเนินงานในปี 2557

{gallery}Biz_Interview/2014/bfi_012/cpland/photo{/gallery}

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive

สินธรณีเทงบ 800 ลบ. เนรมิต วิคตอเรีย การ์เด้นส์

สินธรณี ทุ่มงบกว่า 800 ลบ. ผุดโครงการ“วิคตอเรีย การ์เด้นส์บนพื้นที่ 20 ไร่ จะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม พร้อมโชว์ผลงานเยี่ยมอวดผลประกอบการปี 56 โตเพิ่ม 20-30%

คุณวุฒิชัย เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการบริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการ“วิคตอเรีย การ์เด้นส์ (Victoria Gardens)” ศูนย์การค้าสำหรับคนเมืองที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นทันสมัย โดยใช้งบลงทุนในการก่อสร้าง 800 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ ติดถนนเพชรเกษม ซึ่งเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา คาดจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2557

ขณะนี้มีความคืบหน้า 50% คาดจะสามารถคืนทุนและรับรู้กำไรได้ประมาณ 7 ปี ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มเปิดจองพื้นที่ให้เช่าตั้งแต่ต้นปี 2556 ล่าสุดมียอดการจองพื้นที่แล้วกว่า 70% และคาดว่าจะสามารถปิดยอดการเช่าพื้นที่ได้ในไตรมาสแรกของปีนี้

โครงการวิคตอเรีย การ์เด้นส์ ได้รับแรงบันดาลใจจากกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมสวนสวยสไตล์วิคตอเรีย อังกฤษครบครัน ด้วยสินค้าจากร้านค้าแบรนด์ดังกว่า 200 ร้าน มีพื้นที่ให้เช่า 14,000 ตร.ม.และพื้นที่จอดรถที่สามารถรองรับได้ถึง 500 คัน รวมทั้งศูนย์การศึกษาคุณภาพ ร้านอาหารชั้นนำ สถาบันการเงิน และซุปเปอร์มาร์เก็ตที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนของกลุ่มครอบครัว นักเรียน-นักศึกษา และรองรับกลุ่มนักธุรกิจที่ต้องการจุดนัดพบเพื่อเจรจาธุรกิจ หรือใช้เป็นที่สังสรรค์แห่งใหม่

ด้านจุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ในทำเลที่การเดินทางสะดวกสบาย สามารถเข้า-ออกได้จากถนนสายหลักเพชรเกษม และซอยเพชรเกษม 69 ซึ่งเชื่อมต่อถนนสำคัญอีกหลายสาย เช่น ถนนเอกชัย, ถนนพระราม 2, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี, ถนนพุทธมณฑลสาย 2, 3 และสาย 4 เป็นต้น มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยระบบกล้องวงจรปิดและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมถึงมีกิจกรรมการตลาดภายในศูนย์การค้าตลอดปีเพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ตลอดจนกิจกรรมด้านสุขภาพ ธรรมะ การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และของดีประจำชุมชนต่างๆ

"เรามองว่าถนนเพชรเกษมเป็นทำเลที่จะเป็นจุดสำคัญ เราได้ทำการสำรวจแล้วพบว่ากลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่ใกล้เคียงมีกำลังซื้อสูง ครอบครัวส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจ และมีบุตรหลานอยู่ในวัยกำลังศึกษา ซึ่งต้องการสถาบันกวดวิชาที่อยู่ใกล้บ้านและสะดวกต่อการเดินทาง ประกอบกับมีบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในขณะที่บริเวณดังกล่าวยังไม่มีศูนย์การค้าในลักษณะคอมมูนิตี้มอลล์เลย เราจึงตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการวิคตอเรีย การ์เด้นส์ " คุณวุฒิชัยกล่าว

คุณวุฒิชัยกล่าวต่อว่าในปีที่ผ่านมาผลประกอบการเติบโตเพิ่ม 20- 30%เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยมีปัจจัยมาจาก1. ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีสูงขึ้น 2.การทำตลาดและการขายเชิงรุกมากขึ้น 3.มีการพัฒนา Product ให้ตรงกับความต้องการลูกค้า และ 4.ลูกค้าเชื่อมั่นในตัวองค์กร จึงมีการบอกต่อแนะนำ

ส่วนแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้เดินหน้ากลยุทธ์การเติบโต ใน Segment ที่บริษัทมีความแข็งแกร่งและมุ่งเน้นไปทางด้านคอมเมอร์เชียลมากกว่าที่อยู่อาศัย  รวมถึงการบริการในรูปแบบการให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน โรงแรม รีเทล (ค้าปลีก) หรือ สำนักงานสำเร็จรูป ทั้งนี้บริษัทคาดว่าแนวโน้มการเติบโตจะเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามภาพรวมของเศรษฐกิจ การขยายเมือง ขยายเส้นทางการคมนาคมการสร้างรถไฟฟ้าต่าง ๆ ทำให้เกิดการลงทุนในทุกภาคส่วน

{gallery}Biz_Interview/2014/bfi_012/victoria/photo{/gallery}

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive

แกรนด์ยูนิตี้ปลื้ม“ยู ดีไลท์เรสซิเดนซ์” กระแสตอบรับดี

แกรนด์ยูนิตี้เปิดตัวโครงการ“ยู ดีไลท์เรสซิเดนซ์”คอนมิเนียมสไตล์บ้านเดี่ยว ย่านทำเลทองพัฒนาการ-ทองหล่อ มูลค่าโครงการรวม 1,500 ลบ. ฟุ้งลูกค้าให้การตอบรับดีโดยมียอดขายกว่า90% ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3,300 ลบ. ส่วนปี 2558 คาดรายได้พุ่ง 6,500 ลบ. มั่นใจตัวเลขเข้าเป้าโดยมี  Backlog กว่า 8,000 ลบ.

คุณเนรมิต สร้างเอี่ยม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัดเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการยู ดีไลท์ว่าเป็นคอนโดมิเนียมสูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่ 4 ไร่ 1 งาน 81 ตารางวา ตั้งอยู่ในย่านทำเลทองแถวพัฒนาการ – ทองหล่อ มูลค่าโครงการรวม 1,500 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนพฤษภาคม 2555และแล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายน  รวมทั้งได้โอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าแล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

โครงการยู ดีไลท์เรสซิเดนซ์ (พัฒนาการ - ทองหล่อ) มีทั้งหมด 676 ยูนิต ประกอบด้วย 1 Bed Room มีพื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม., 1 Bed Room Panoมีพื้นที่ใช้สอย 35 ตร.ม., 1 Bed Room Plus มีพื้นที่ใช้สอย 37 ตร.ม., 1 Bed Room Deluxe มีพื้นที่ใช้สอย 40 ตร.ม.และ 2+1 Bed Room มีพื้นที่ใช้สอย 70 ตร.ม.

ทั้งนี้ภายในโครงการประกอบไปด้วย 1. Gate Community ประตู้รั้วเปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบ RFID พร้อมพนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และกล้องวงจรปิดทั่วทั้งโครงการ 2. โถงต้อนรับ มีการออกแบบเรียบง่าย สบายทั้งการมองเห็นและสัมผัสได้จริงในบรรยากาศแบบ Semi-Outdoor 3. คลื่นสนามหญ้า ให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเดินเล่น พักผ่อน รายล้อมด้วยธรรมชาติ

4. ห้องสมุด 2 ชั้น ออกแบบให้อยู่ริมอาคารฝั่งที่ติดกับคลองเพื่อให้ได้บรรยากาศของการพักผ่อนในวันว่างไม่ว่าจะเป็นมุมชั้นล่างโปร่งโล่งหรือความเป็นส่วนตัวที่ชั้นบน5. ศาลาท่าน้ำ บรรยากาศธรรมชาติริมน้ำ เหมาะสำหรับการผ่อนคลายทำกิจกรรมสบายๆในครอบครัว 6. สระบัว รายล้อมด้วยธรรมชาติสไตล์ไม่น้ำไทยๆ เพิ่มบรรยากาศให้น่าอยู่ ร่มรื่นใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

7. Jogging Lane อออกกำลังกายด้วยจ๊อกกิ้งเลนบนดาดฟ้ากลางพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 8. ห้องออกกำลังกายและ Sauna & Steam  รวมความครบครันทุกความต้องการในที่เดียว ทั้งการออกกำลังกาย และผ่อนคลายในแต่ละวัน และ 9. Infinity-edged Swimming Pool สระว่ายน้ำดีไซน์พิเศษเสมือนไร้ขอบกั้นระหว่างคุณกับอิสระของท้องฟ้า

สำหรับจุดเด่นของโครงการคือขนาดห้องหน้ากว้าง7.6 เมตร โดยทุกห้องจะติดเป็นผนังกระจกเพื่อให้สามารถรับแสงสว่างได้ยามเช้า รวมทั้งสามารถชมวิวทิวทัศน์ข้างนอกได้อย่างลงตัวและทำให้ห้องดูกว้างขวางไม่อึดอัด ส่วนการจัดแบ่งพื้นที่ห้องได้ถูกคำนวณมาเป็นอย่างดีซึ่งทำให้ระยะการใช้สอยต่างๆลงตัวให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้านเดี่ยว

โดยสามารถตอบโจทย์ลูกค้าด้วยตำแหน่งที่ตั้งในการเดินทางที่สะดวกสบาย บนโลเคชั่นใหม่ที่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง อยู่ไม่ไกลจากทองหล่อ เดินทางเข้าสู่ย่าน CBD ได้ง่าย เพราะใกล้กับจุดขึ้นลงทางด่วนและสถานีรถไฟฟ้า Airport Link ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิไม่มาก อีกทั้งยังเดินทางออกไปตากอากาศยังแหล่งพักผ่อนชายทะเลบางแสน พัทยาได้อย่างรวดเร็ว

“กระแสตอบรับจากลูกค้าที่มีต่อโครงการยูดีไลท์ดีมาก ทั้งในด้านยอดขายและการเข้าอยู่อาศัยโดยสามารถสังเกตได้จากจำนวนลูกค้าที่ย้ายเข้าอยู่อาศัยในโครงการ  ขณะนี้บริษัทมียอดขายกว่า 90% โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 90% เป็นคนไทย อีก10%เ ป็นชาวต่างชาติ” คุณเนรมิตกล่าว

คุณเนรมิตกล่าวต่อถึงผลประกอบการว่าบริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปี 2556 อยู่ที่ 3,300ล้านบาท ส่วนในปี 2557 คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ถึง 4,500ล้านบาท และในปี  2558 คาดการณ์รับรู้รายได้ที่ 6,500 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทคาดว่าเป้าหมายดังกล่าวจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากในปี 2557-2558 บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการเพิ่มอีกหลายโครงการ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มยอดขายและรับรู้รายได้ให้บริษัทเป็นจำนวนมาก

“ ตนมั่นใจว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าไว้อย่างแน่อนอนถึงเม้ว่าตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้ค่อนข้างสูง  เพราะปัจจุบันเรามียอดขายที่อยู่ในมือประมาณ 8,000 ล้าน หมายถึงเรามี Backlog รอรับรู้รายได้ คือเราขายไปแล้ว เราก็มาสร้าง สร้างเสร็จแล้วก็ไปโอน ตอนนี้เรากำลังก่อสร้างอยู่ เพราะฉะนั้น รายได้ปีหน้า 4,500 ล้านบาท ใช้มาแค่ครึ่งเดียวเอง ส่วนที่เหลือจะไปอยู่ในปี 2558  นอกจากนี้เราต้องเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้วในปี 2557-2558”คุณเนรมิตกล่าว

คุณเนรมิตกล่าวต่อถึงหลักการบริหารองค์กรว่าบริษัทดำเนินการบริหารภายใต้คำว่า F-A-M-E ซึ่งมีความความหมายว่า “ดีขึ้นทุกวัน” โดยต้องการให้พนักงานทุกคนทำทุกอย่างให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน  สำหรับF-Foresee คือการมองไปข้างหน้า, A-Assure คือหลักในการทำงานที่สามารถรับประกันและมีการรับรองได้,M-Monitorคือ การตรวจสอบงานทุกอย่างได้ และ E-Enhance คือการต่อยอดที่ดีขึ้น

“ตนอยากทำให้แกรนด์ยูเป็นองค์กรที่มีประสิทธิ์และต้องการให้พนักงานทำงานอย่างมีความสุขซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนไปถึงการทำงานด้วยนั้นคือทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงส่งเสริมให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้องค์กรมีประสิทธิ์ภาพและประสิทธิผลรวมทั้งก้าวต่อไปอย่างเข็มแข็งอย่างยั่งยืนในอนาคต”คุณเนรมิตกล่าว

คุณเนรมิตกล่าวต่อถึงสิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนและส่งเสริมคือการออกระเบียบในด้านการส่งเสริมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการมากกว่าที่จะออกระเบียบป้องกันต่างๆ เพราะในปัจจุบันการดำเนินการต่างๆ จะติดในเรื่องของระเบียบที่เป็นอุปสรรคทำให้การทำงานลำบากมากยิ่งขึ้นอย่างไรก็ตามหากมีการทำผิดกฏระเบียบที่ภาครัฐกำหนด ควรจะมีการกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงกว่าปกติเพื่อให้ผู้ประกอบการรายอื่นทำผิดซ้ำ

“ปัจจุบัน เอกชนไทยเก่งขึ้นมาก โดยส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครอยากทำผิดกฎหมาย เพราะเวลาที่เสียไปไม่คุ้มกัน ระเบียบภาครัฐต่างๆ ก็ควรที่จะออกมาในเชิงส่งเสริมไม่ใช่เพียงแต่ป้องกันคนไม่ดี ตนเชื่อว่าคนไม่ดีอาจจะมีเพียง 1% แต่ระเบียบจะไปกระทบต่อคนดีอีก 99% ที่เหลือ ซึ่งคนดีย่อมมีมากกว่าคนไม่ดี มิฉะนั้นประเทศของเราจะไม่โตมาจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน”คุณเนรมิตกล่าว

Page Visitor

012538323
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
11309
18787
99616
346114
432245
12538323
Your IP: 3.145.34.51
2024-11-22 12:46
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.