บางจากควักกระเป๋ากว่า 1.2 หมื่นลบ.ปรับโฉม-รุกธุรกิจทั้งในและต่างประเทศดันรายได้เพิ่ม
บางจากปิโตรเลียมเปิดแผนการลงทุนปี 2557 ใช้เงินลงทุนรวมกว่า 12,000 ลบ. เพิ่มศักยภาพการผลิตของโรงกลั่นฯ และขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน พร้อมขยายธุรกิจพลังงานทดแทนและลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง
คุณวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) เปิดเผยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2557 ว่าจะมีการลงทุนเพิ่มศักยภาพการผลิตของโรงกลั่นฯ และขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งขยายธุรกิจพลังงานทดแทนและลงทุนในธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรวมกว่า 12,000 ล้านบาท
โดยบริษัทมีแผนขยายการลงทุนออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีหลายโครงการในประเทศญี่ปุ่นเสนอให้บริษัทเข้าไปลงทุน ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 30-50 เมกะวัตต์และอยู่ระหว่างการพิจารณาและเข้าตรวจสอบกิจการ (Due Diligence) คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณกลางปีนี้
สำหรับในปีนี้ธุรกิจโรงกลั่นฯ จะมีการกลั่นเฉลี่ย 90,000 – 94,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากมีแผนหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 15 มิถุนายนนี้ ขณะที่ประเมินค่าการกลั่นอยู่ที่เฉลี่ย 7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและมีแผนลงทุนในโครงการส่งเสริมประสิทธิภาพ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม (3E : Efficiency Energy and Environment Improvement Project) วงเงิน 7,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของโรงกลั่นฯ ซึ่งผ่านการอนุมัติการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA : Environmental Impact Assessment) เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการออกแบบ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ตั้งแต่ปลายปีนี้ ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี ทำให้มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เพิ่มขึ้น 2,000 ล้านบาทต่อปี
คุณวิเชียรกล่าวต่อว่าในส่วนของธุรกิจค้าปลีกมีแผนจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ 260 ล้านลิตรต่อเดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปีก่อนหน้า โดยในปีนี้จะขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 70 แห่ง รวมเป็น 1,130 แห่งทั่วประเทศและพัฒนาสถานีบริการน้ำมันรูปแบบใหม่ให้มีความทันสมัย สะดวกสบาย และสวยงาม (Rebranding) ประมาณ 100 แห่ง ใช้เงินลงทุนรวม 1,200 ล้านบาท ขยายสถานีบริการ E85 เพิ่มเป็น 150 แห่งและสถานีบริการ E20 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนนโยบายพลังงานทดแทนของภาครัฐ รวมทั้งตั้งเป้าจะขยายร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิในสถานีบริการน้ำมันบางจากภูมิภาคต่างๆ เพิ่มเป็น 150 แห่งและเพิ่มร้านกาแฟอินทนิลเป็น 400 แห่ง ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมจับมือพันธมิตรธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียง เพื่อตอบสนองวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่และเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-oil
ด้านธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพไบโอดีเซลและลงทุนผลิตเอทานอลเพิ่ม โดยโรงงานผลิตไบโอดีเซล B100 ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 450,000 ลิตรต่อวัน ทำให้มีกำลังการผลิตรวม 810,000 ลิตรต่อวัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาผู้รับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2558 ส่วนธุรกิจผลิตเอทานอลอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนเพิ่ม โดยอาจจะสร้างโรงงานขึ้นใหม่หรือเข้าร่วมทุนกับโรงงานที่มีอยู่เดิมเพื่อรองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น
คุณวิเชียรกล่าวต่อว่าขณะที่โครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ เฟส 3 ทั้ง 5 แห่งคือที่อำเภอประโคนชัยและอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิและอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี กำลังการผลิตจำหน่ายรวม 48 เมกะวัตต์ จะเริ่มทยอยจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ทำให้ปี 2557 มี EBITDA เพิ่มขึ้นกว่า 700 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อรวมกับเฟส 1 และเฟส 2 จะมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 118 เมกะวัตต์ และมี EBITDA เพิ่มขึ้นในปีนี้รวมทั้งสิ้นเป็น 2,200 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้จากปริมาณกลั่นที่ลดลงของธุรกิจโรงกลั่นฯ
ส่วนความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 2557 จากการคาดการณ์ขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) จะอยู่ที่ระดับ 92.60 ล้านบาร์เรล/วัน เพิ่มจากปี 2556 ที่ระดับ 91.29 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและเศรษฐกิจของประเทศเอเชียที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องคาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 100-105 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล