ซีฟโก้โชว์ Backlog 1,600 ลบ.
ซีฟโก้ ผู้นำในวงการการก่อสร้างฐานรากเสาเข็มลั่นปี 57 มุ่งดำเนินธุรกิจตามแนวทางที่วางไว้ อวด Backlog ปีที่ผ่านมา 1,300 ล้านบาท ส่วนปีนี้มีอยู่ในมือ 1,600 ล้านบาท ฟันกำไรปีก่อนกว่า 130 ล้านบาท เตรียมจัดงานครบรอบ 4 ทศวรรษอย่างยิ่งใหญ่ในเดือนธันวาคม
คุณณรงค์ ทัศนนิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าธุรกิจหลักของบริษัทคืองานวางเสาเข็มและมีตลาดอยู่ในวงเฉพาะ อาทิ อาคารสูงที่มีน้ำหนักมากๆ โครงขนาดใหญ่ (ทางด่วน รถไฟฟ้า อาคารสำนักงานของราชการ คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้า โรงแรม) เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทไม่สามารถสร้างงานเองได้แต่จะต้องทำร่วมกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ดังนั้นการดำเนินงานในปีนี้จึงอยู่ในทิศทางปกติตามที่เคยได้ดำเนินการตลอดมา
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าบริษัทจะสร้างงานเองไม่ได้ แต่เมื่อโครงสร้างงานใหม่ๆ เกิดขึ้นมาตามภาวะเศรษฐกิจที่มีความต้องการงานจึงทำให้บริษัทได้รับงานจากโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดมา ซึ่งไม่เคยไม่มีงานและเมื่อมีโครงการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าจะเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าไปร่วมงาน
“กว่า 30 ปีที่ผ่านมา เรามีงานเข้ามาตลอดและทำแทบไม่ทัน ปัจจุบันก็ยังคงเป็นเช่นนั้น โดยในปีที่ผ่านมา เรามี Backlog 1,300 ล้านบาทและในปีนี้เรามี Backlog 1,600 ล้านบาท ซึ่ง 60% จะมาจากงานโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ ทางด่วนศรีรัช รถไฟฟ้าสายสีเขียว ไบเทคเฟส 2 เป็นต้น ส่วนที่เหลืออีก 40% จะเป็นงานจากงานภาคเอกชน เช่น คอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
เมื่อเรารับงานมาและส่งมอบให้แก่เจ้าของโครงการแล้วจะทำให้ Backlog ลดลง ดังนั้นในปีนี้เราจะต้องรับงานเพิ่มอีกเพื่อให้มูลค่า Backlog อยู่ในระดับกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าปริมาณงานที่ได้รับและส่งออกจะสัมพันธ์กันหรือไม่นั้นเพราะจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและการสร้างโปรเจคใหม่ๆ ของทั้งทางภาครัฐและเอกชน” คุณณรงค์กล่าว
สำหรับงานใหม่ในปีนี้จะเป็นงานภายในประเทศทั้งหมดและจากภาคเอกชน 100% ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการประมูลงานหลายโครงการ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท แต่คาดว่าจะได้รับงาน 50% หรือมูลค่า 400-500 ล้านบาท โดยในเดือนมีนาคมนี้จะได้ข้อสรุปและทยอยรับรู้งานที่จะต้องดำเนินการ ส่วนงานใหม่ในต่างประเทศ ขณะนี้มีงานที่ประเทศเมียนมาร์เพียงแห่งเดียวซึ่งเป็นงานของภาคเอกชนเช่นกัน โดยอยู่ระหว่างการดำเนินการตอกเสาเข็มของโครงการคอนโดมิเนียม นอกจากนี้ บริษัทยังมีงานประมูลที่ประเทศเมียนมาร์อีก 2 โครงการซึ่งจะเป็นงานเสาเข็มอาคารสูง คอนโดมิเนียม โรงแรม คาดว่าจะสรุปผลได้ภายใน 1-2 เดือนนับจากนี้
“งานที่เราไปทำที่เมียนมาร์จะเป็นงานของเอกชนและเป็นโปรเจคที่ 2 ที่เราไปทำต่างประเทศต่อจากสิงคโปร์ ซึ่งเราจะเข้าไปทำร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อความสะดวกในการทำงาน เช่น การหาแรงงานในท้องที่ การซื้ออุปกรณ์ การติดต่อราชการ เป็นต้น แต่ลูกค้าของเราจะเป็นคนไทยเพียงแต่เราต้องไปทำงานที่เมียนมาร์เท่านั้นเอง ดังนั้นการสรุปข้อตกลงจึงค่อนข้างนานกว่าการรับงานในเมืองไทยและต้องชัดเจน เพราะว่าเราต้องขนสินค้าไปดำเนินการที่นั้น
ส่วนประเทศอื่นๆ ในปีนี้ เรายังไม่ได้มองไว้ เนื่องจากงานในประเทศก็ล้นมือแล้ว แต่ในอนาคตหากมีแผนที่จะรับงานต่างประเทศก็อยู่ในแถบอาเซียนที่ใกล้ตัวเราและจะพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงในการลงทุนเป็นหลัก ประกอบกับในปัจจุบันงานในประเทศยังมีอีกมากมายซึ่งจะเห็นได้จากการที่มีบริษัทจากต่างประเทศเข้ามารับงานในบ้านเราเป็นจำนวนมาก” คุณณรงค์กล่าว
ด้านเป้าผลประกอบในปี 2556 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 1,307 ล้านบาท มีผลกำไร 139.27 ล้านบาท ส่วนในปีนี้ บริษัทคาดว่าตัวเลขผลประกอบการจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาและจะไม่แตกต่างกันมากนักเพราะดำเนินธุรกิจในแนวทางเดียวกัน ประกอบมี Backlog ไม่ทิ้งห่างกัน สำหรับอัตราการเจริญเติบโตของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 10-20% ทุกๆ ปี
คุณณรงค์กล่าวต่อว่าในปีนี้บริษัทครบรอบ 40 ปีในการดำเนินธุรกิจและมีแผนจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบในวันที่ 19 ธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยจะจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการเพราะบริษัทเป็นบริษัทที่ก่อสร้างเชิงวิชาการด้านงานฐานราก งานใต้ดิน งานเสาเข็ม ซึ่งจะมีการเชิญนักวิชาการระดับโลกประมาณ 2-3 ท่านเพื่อมาบรรยายพิเศษและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกันเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าความรู้ความสามารถของบริษัททัดเทียมระดับโลก เนื่องจากในอดีตที่บริษัทเริ่มทำธุรกิจก็ได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก (อังกฤษ ฝรั่งเศส) และที่ผ่านมาบริษัทได้มีการจัดสัมมนาเชิงวิชาการและเดินทางไปสัมมนาต่างประเทศบ่อยครั้ง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะสร้างคนทำงานรุ่นใหม่ด้วยการให้ทุนการศึกษาแก่พนักงานในองค์กรเท่านั้น ซึ่งจะแตกต่างจากที่ผ่านมาที่ให้ทุนการศึกษาแก่บุคคลทั่วไป สำหรับพนักงานในองค์กรที่จะได้รับทุนจะต้องผ่านการเรียนหลักสูตรครูสมาธิเป็นเวลา 6 เดือน 96 ชั่วโมงซึ่งเป็นหลักสูตรของพระธรรมมงคลญาณ (วิริยังค์ สิรินฺธโร) และเป็นที่ยอมรับทั่วไปในระดับสากล เพื่อให้คนที่เรียนมีจิตแข็งแกร่ง มีพลัง มีความคิดในเชิงบวกมากยิ่งขึ้น มีความรับผิดชอบ สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว ทั้งนี้นอกจากจะส่งผลดีต่อพนักงานโดยตรงแล้วยังส่งดีและช่วยยกระดับองค์กรอีกด้วย เนื่องจากจะทำให้ไม่มีปัญหาลักขโมยและปัญหายาเสพติด
สำหรับหลักสูตรนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม CSR ของบริษัทในทางจิตภาพ ซึ่งที่ที่ผ่านมาจะเน้นให้ในเชิงกายภาพ เช่นการบริจาคสิ่งของต่างๆ การให้ทุนการศึกษาและอื่นๆ อีกมากมาย แต่บริษัทยังไม่ได้คืนกำไรให้แก่สังคมในเชิงจิตภาพมาก่อน โดยบริษัทได้เปิดศูนย์สมาธิซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับออฟฟิศ เปิดสอนทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00-20.30 น.และในแต่ละวันจะมีคนมาเรียนประมาณ 40-50 คน/วัน ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี พนักงานของบริษัทจะเรียนจบหลักสูตรนี้สูงถึง 80%
“ตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจและได้มาถึงปีที่ 40 ในปีนี้ ตนถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะเราเริ่มต้นธุรกิจจากคนๆ เดียว มีพนักงาน 5 คน ซึ่งทำงานด้วยความอุตสาหะและเหนื่อยยาก ทำงานด้วยมือเปล่า ณ เวลานี้ ตนรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันที่เริ่มจากศูนย์และเติบโตเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์” คุณณรงค์กล่าว
ส่วนจุดเด่นของบริษัทที่ลูกค้าไว้วางใจใช้บริการมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1.การดำเนินธุรกิจมายาวนานถึง 4 ทศวรรษ 2.บริษัทมีความรู้ความชำนาญในธุรกิจที่ดำเนินการเป็นอย่างมาก โดยมีผลงานที่ประจักษ์ต่อสาธารณชนมากมายและมากกว่าผู้ประกอบการรายๆ อื่น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ประมาณ 50% ล้วนแต่เป็นผลงานของบริษัท 3.ราคายุติธรรม 4. การบริการที่ดีและการดำเนินงานเสร็จทันตามกำหนดระยะเวลา ไม่ล่าช้า
คุณณรงค์กล่าวต่อถึงหลักการบริหารองค์กรว่าประกอบด้วย 1.การติดตามเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน 2.การรู้เขารู้เรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง 3.การเห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่เอาเปรียบผู้อื่นและยอมเสียเปรียบบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะกับลูกน้อง ซึ่งจะทำให้ทำงานกับเรายาวนาน รวมทั้งคู่ค้าที่อยากจะทำธุรกิจค้าขายกับบริษัทเป็นเวลายาวนานเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามหากเราทำธุรกิจกับใครแล้วเอาเปรียบ จะทำให้ไม่มีใครอยากทำงานและค้าขายกับเรา ทั้งนี้เมื่อเรายอมเสียเปรียบบ้างเล็กน้อย เมื่อเราไปทำธุรกิจร่วมกับใครก็สบายใจ มีแต่เพื่อนและจะทำให้คนที่อยู่ร่วมกับเราสบายใจ 4.การซื่อสัตย์ 5.การรักษาคำมั่นสัญญา
“การรักษาคำมั่นสัญญาเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ สมัยก่อนเราเริ่มต้นจากธุรกิจที่ไม่มีอะไรเลย มีแต่คำมั่นสัญญาว่าการทำงานจะต้องเสร็จ ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องเสร็จจริงๆ หากเราทำงานไม่เสร็จก็ต้องยอมให้ลูกค้าปรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง หัวใจในการดำเนินธุรกิจของเราคือ ซื่อสัตย์ ผลงานคุณภาพ การตรงต่อเวลา ซึ่งทำให้ยืนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เราภาคภูมิในผลงานทุกผลงานไม่ว่าจะเป็นงานขนาดเล็กหรือใหญ่ แต่งานธุรกิจเข็มเจาะอาคารขนาดใหญ่ เรานับเป็นเจ้ารายแรกที่ทำในประเทศไทยและเป็นความภาคภูมิใจมากที่สุด” คุณณรงค์กล่าว
ส่วนภาพรวมธุรกิจในปี 2557 คาดว่าในส่วนของภาคเอกชนอาจจะมีการชะลอการลงทุน เพราะมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน การกู้เงินจากธนาคารจะยากมากยิ่งขึ้น ค่าเงินบาทมีความผันผวน ต้นทุนการนำเข้าสินค้าเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย อาทิ เหล็ก อุปกรณ์อาคารต่างๆ เป็นต้น และแน่นอนว่าย่อมส่งผลต่อผู้ประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับงานของภาครัฐคาดว่าจะลดลงเช่นกัน แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทแต่อย่างใด เพราะมี backlog รองรับเพียงพอตามที่ได้กล่าวไปแล้วเบื้องต้น
ด้านปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทได้แก่ปัญหาแรงงาน โดยปัจจุบันใช้แรงงานกัมพูชาสูงถึง 70% ส่วนที่เหลืออีก 30% จะเป็นแรงงานไทย เนื่องจากในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมทำอาชีพรับจ้างและเป็นปัญหาระดับประเทศ ซึ่งจะสังเกตุได้จากการที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากเข้ามาทำงานในประเทศไทย เช่น เมียนมาร์ กัมพูชา เป็นต้น และในอนาคตเมื่อแรงงานเหล่านั้นกลับประเทศ จะส่งผลให้เกิดวิกฤตแรงงานในประเทศไทยอย่างแน่นอน