ซี.พี.แลนด์ ผงาด 30 จ. อัดงบ 30,000 ลบ. ลุย 5 โปรเจค
ซี.พี.แลนด์ปักหมุด 30 จังหวัดทั่วประเทศ ตอกย้ำผู้นำอสังหาฯ รายใหญ่ในต่างจังหวัด พร้อมเปิดแผนการลงทุนต่อเนื่อง 3 ปี ทุ่ม 30,000 ลบ. เดินหน้า 5 โปรเจคเต็มพิกัด
คุณสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 3 ปี (2555-2557) บริษัทได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม สำนักงานให้เช่า และโรงแรม ปัจจุบันได้เข้าไปดำเนินการแล้ว 30 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี ราชบุรี นครราชสีมา เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น โดยมีคอนโดมิเนียมที่พัฒนาแล้ว และเตรียมเปิดขายกว่า 8,000 ยูนิต มูลค่า 11,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 2 โครงการ จำนวน 315 ยูนิต มูลค่า 1,122 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาเราเติบโตอย่างมั่นคง จนกระทั่งเราได้ขยายธุรกิจสู่หัวเมืองต่างๆ และได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก เนื่องมาจากชื่อเสียงของเรา ทำให้สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด ณ วันนี้ เรามีโครงการที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุดเพราะเราไปก่อนเป็นอันดับแรก เราถือเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในต่างจังหวัด ซึ่งในบางจังหวัดเราเป็นรายแรกที่ไป โดยยังไม่มีผู้การประกอบรายใดเลย ต่อจากนั้นจึงมีบริษัทใหญ่จากส่วนกลางเข้ามาขยายการลงทุนในต่างจังหวัดตามเรา ในอนาคต เรามีแผนที่จะไปเปิดตัวโครงการให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพราะยังเล็งเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพยในต่างจังหวัด” คุณสุนทรกล่าว
ส่วนแผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้และต่อเนื่องอีก 2 ปี (2557-2559) บริษัทเตรียมงบลงทุน 30,000 ล้านบาทเพื่อใช้สำหรับพัฒนา 5 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย
1. โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยในปี 2558 บริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนเพิ่มอีก 10 จังหวัดทั่วประเทศและจะพัฒนาคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 3,000 ยูนิต
2. อาคารสำนักงานให้เช่า 8 อาคาร โดยมีพื้นที่รวมกว่า 55,600 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 2,700 ล้านบาท อาทิ ขอนแก่น พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช นครราชสีมา เป็นต้น ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว 3 อาคาร ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างขอประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และใบอนุญาตการก่อสร้าง
รวมทั้ง การก่อสร้างอาคารสำนักงานให้เช่าเกรกเอ ภายใต้ชื่อโครงการ CP TOWER NORTH PARK ขนาดความสูง 18 ชั้นและมีชั้นใต้ดิน บนพื้นที่ 4 ไร่ ซึ่งจะตั้งอยู่ที่นอร์ธ ปาร์ค วิภาวดี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท สำหรับที่ดินดังกล่าวบริษัทได้ซื้อมานานแล้ว ปัจจุบันมีศักยภาพมากขึ้น จากแผนการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2559
3. โครงการก่อสร้างโรงแรมจำนวน 4 แห่งระดับ 5 ดาว ภายใต้แบรนด์ “ฟอร์จูน” ได้แก่ ขอนแก่น เชียงราย นครศรีธรรมราช นครราชสีมา จำนวนห้องพักประมาณ 1,000 ห้อง มูลค่าการลงทุน 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโรงแรมขนาดใหญ่และดีที่สุดในแต่ละจังหวัดนั้นๆ รวมทั้งจะมีสถานที่จัดสัมมนาและจัดเลี้ยง โดยจะเป็นโรงแรมที่บริษัทดำเนินการสร้างเองและซื้อโรงแรมเก่าเพื่อนำมาปรับโฉม ซึ่งจะตั้งอยู่ติดริมฝั่งโขงและในตัวเมือง ขณะนี้ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงแรมที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 322 ห้อง ส่วนโรงแรมที่ได้เปิดให้บริการแล้วก่อนหน้านี้คือที่จังหวัดนครพนม และโรงแรมลำดับต่อไปที่จะสร้างเสร็จคือที่เชียงของและนครราชสีมา
“สำหรับธุรกิจโรงแรม เรามีความรู้พอสมควร เรามีทีมงานพร้อม ตอนนี้เรากำลังสร้างแบรนด์ของเราเองคือ ฟอร์จูน ปัจจุบันคนไทยเริ่มสร้างแบรนด์ของตัวเองเก่งขึ้นแล้ว ไม่ต้องจ้างต่างประเทศเหมือนที่ผ่านมา เราเชื่อว่าเมื่อ AEC เปิด บริการของเราเมื่อเทียบกับประเทศในอาเซียน เราชนะอย่างแน่นอน” คุณสุนทรกล่าว
4. โครงการก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าให้เช่าจำนวน 5 แห่ง อาทิ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี พิษณุโลก และเชียงราย เป็นต้น โดยแต่ละแห่งจะมีพื้นที่ตั้งแต่ 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป มูลค่าการลงทุน 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่และออกแบบ คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 1 ปีและจะเริ่มเปิดให้บริการในปีหน้าเพื่อรองรับ AEC
5. โครงการนิคมอุตสาหกรรมซีพี อินดัสเตรียล พาร์ค ระยอง บนพื้นที่ 3,140 ไร่ มูลค่าการลงทุน 7,754 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการขอใบอนุญาตประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 2558 ในรูปแบบการสร้างโรงงานให้เช่าและขายที่ดินให้แก่นักลงทุน ซึ่งจะเป็นอุตสาหกรรมสะอาดหรืออุตสาหกรรมปลายน้ำ อาทิ อุตสาหกรรมประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
“โครงการนี้เป็นโครงการที่เราอยากทำมานานแล้ว เราไม่ต้องการแข่งขันกับนิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ เราตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้บริการลูกค้า เรามั่นใจว่าลูกค้าหลักจะมาจากญี่ปุ่นและจีน เพราะเขารู้จักเราดี นอกจากนี้ จะเน้นในเรื่องระบบสาธารณูปโภคเพื่อตอบความต้องสนองการของนักลงทุน และในอนาคต ยังมีแผนที่จะลงทุนก่อสร้างโรงผลิตไฟฟ้า SPP ขนาด 130-140 เมกะวัตต์อีก 2 แห่ง มูลค่าค่าการลงทุน 6,500 ล้านบาท/แห่ง โดยจะนำกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จำหน่ายให้แก่ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมและการไฟฟ้าฝ่ายผลิต” คุณสุนทรกล่าว
ด้านเป้ารายรวมในปีนี้ บริษัทตั้งไว้ที่ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการให้เช่าและบริการ 75% ส่วนอีก 25% จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ในอนาคตภายใน 3 ปี บริษัทจะปรับสัดส่วนรายได้ให้อยู่ 50:50 โดยผลกำไรในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาได้ตามเป้าหมายไว้ สำหรับในปี 2588 ตั้งเป้าจะมีรายได้ 3,000 ล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท และในปี 2560 จะอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศ โดยก่อนหน้านี้ได้เจรจาซื้อโรงแรม และอาคารสำนักงานที่ออสเตรเลีย และอังกฤษไว้ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะราคาสูงเกินไป รวมทั้งได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อลงทุนในเมียนมาร์ โดยจะเน้นไปที่อาคารสำนักงานและโรงแรมเป็นหลัก