May 03, 2024
×

Warning

JFolder: :files: Path is not a folder. Path: [ROOT]/images/Biz_Interview/2014/bfi_023/pttep/photo

×

Notice

There was a problem rendering your image gallery. Please make sure that the folder you are using in the Simple Image Gallery plugin tags exists and contains valid image files. The plugin could not locate the folder:

ปตท.สผ. ปรับแผนลงทุนปี 58 เดินแผนรับมือราคาน้ำมันผันผวน / Issue 023, December 2014

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

ปตท.สผ. ปรับแผนลงทุนปี 58

ปตท.สผ. เดินแผนรับมือราคาน้ำมันผันผวน เล็งชะลอโครงการใหม่ที่มีความเสี่ยงสูงบวกมุ่งลดต้นทุนเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ประกาศความมั่นใจพร้อมบุกต่างประเทศเต็มร้อยหนุนเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

คุณสมพร ว่องวุฒิพรชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานโครงการต่างประเทศ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานว่าจะมุ่งเน้นตามวิสัยทัศน์ขององค์กรคือเป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมชั้นนำในเอเชียที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและหัวใจสีเขียว และมีเป้าหมายใน 3 มิติ ประกอบด้วย Big, Long, Strong

โดยในส่วนของ Big บริษัทมีเป้าหมาย จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 600,000 บาร์เรลในปี 2563  จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตประมาณ  350,000  บาร์เรล ณ ไตรมาสที่ 3  ส่วน Longตั้งเป้าในการรักษาอายุสำรองปิโตรเลียมให้ได้ 10 ปี ด้าน Strong จะมองในเรื่องของผลตอบแทนที่สามารถแข่งขันได้กับบริษัทน้ำมันรายอื่นๆ 

“ในด้านการเติบโต เราจะมองสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ถ้าเป็นธุรกิจเดิมในประเทศ เราจะไม่แตะ ส่วนธุรกิจใหม่ๆ ที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา เราก็อยากจะพัฒนาให้ได้ตามแผน ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตและสอดคล้องกับแผนงานที่วางไว้ตามแผนการลงทุนในระยะ 5 ปี” คุณสมพรกล่าว

สำหรับในปี 2558 บริษัทได้มีการปรับแผนการลงทุนใหม่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะโครงการสำรวจใหม่ๆ หรือโครงการที่มีสัมปทานอยู่แล้วที่คาดว่าจะมีความเสี่ยงสูง อาจต้องมีการชะลอหรือพิจารณาทบทวนให้ถี่ถ้วนมากยิ่งขึ้นเพื่อให้คุ้มค่ากับการลงทุนและได้ผลตอบแทนที่เหมาะสม อาทิ โครงการในทะเลน้ำลึก, โครงการออยล์ แซนด์ ในแคนาดา, แหล่งก๊าซในออสเตรเลีย เป็นต้น ส่วนโครงการที่ได้ลงทุนและผลิตแล้ว ซึ่งมีมาร์จิ้นเพียงพอและถึงแม้ว่าจะมีกำไรลด บริษัทจะยังคงไว้เช่นเดิม 

ด้านการดำเนินงานทั่วไป บริษัทจะมุ่งไปที่เรื่องการลดต้นทุนหรือ  Cost Cutting  โดยจะปลูกฝังให้อยู่ในการทำงานและพัฒนาเป็นวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งได้มีการจัดตั้ง Cost Efficiency Committee และมีตัวแทนจากทุกหน่วยงานเพื่อร่วมระดมความคิดในการหากระบวนการในการลดต้นทุนทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ทั้งนี้ หากบริษัทสามารถทำให้ต้นทุนมีประสิทธิภาพในราคาที่แข่งขันได้ จะทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นโยบายการลดต้นทุนจะต้องพิจารณาดำเนินการให้มีความเหมาะสมทั้งในเรื่องของความปลอดภัยและมาตรฐานในการดำเนินงาน

นอกเหนือจากโครงการต่างๆ ของบริษัทที่อยู่ระหว่างการสำรวจหรือสำรวจใหม่แล้ว ในปีหน้าบริษัทอาจพิจารณาซื้อโครงการใหม่ในราคาที่เหมาะสมภายใต้การพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุน โดยจะโฟกัสโครงการที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทมีความคุ้นเคยหรือมีประสบการณ์มากกว่าถ้าจะไปลงทุนในภูมิภาคอื่นๆ หรืออาจเป็นเฟสของโครงการที่ผลิตแล้ว ซึ่งจะสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุนได้ทันที

 

คุณสมพรกล่าวต่อว่าปัจจุบัน บริษัทมีโครงการสำรวจ พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยและต่างประเทศ รวม 45 โครงการใน 11 ประเทศ สำหรับการลงทุนในต่างประเทศที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุดคือโครงการในประเทศเมียนมาร์ เพราะเป็นฐานการลงทุนที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากประเทศไทยซึ่งได้ดำเนินการมายาวนานถึง 25 ปีแล้ว โดยในปีนี้บริษัทมีการผลิตแล้ว 3 โครงการ  ประกอบด้วย โครงการยาดานา, โครงการเยตากุน และโครงการซอติก้า ซึ่งในปีนี้ โครงการซอติก้าได้เริ่มการผลิตก๊าซส่งให้ประเทศเมียนมาร์ จำนวน 60 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และส่งให้ประเทศไทย 240 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน

อีกทั้ง บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการสำรวจอีกหลายแปลงในประเทศเมียนมาร์ ขณะนี้มีบางแปลงที่ค้นพบปิโตรเลียมแล้ว คือ แปลงเอ็ม 3 ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการประเมินผลเพิ่มเติมตามแผนงาน โดยได้เริ่มดำเนินการเจาะหลุมประมาณ 4-6 หลุม เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการหาแนวทางพัฒนาและหาราคาก๊าซที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากทุกอย่างลงตัว บริษัทอาจพิจารณาตัดสินใจลงทุนพัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่อไป  สำหรับโครงการนี้จะสามารถสนับสนุนการใช้ก๊าซของพม่าได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นแหล่งที่ตั้งอยู่นอกชายฝั่งใกล้เมืองย่างกุ้ง

นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทจะเริ่มการผลิตน้ำมันดิบในประเทศแอลจีเรีย ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทร่วมทุนกับเวียดนาม และบริษัทน้ำมันแห่งชาติของแอลจีเรีย โดยบริษัทถือสัดส่วนการร่วมทุนร้อยละ 35 คาดว่าจะเริ่มผลิตก๊าซได้ในช่วงปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ของปีหน้า กำลังการผลิต 20,000 บาร์เรล/วัน

รวมทั้งอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในสาธารณรัฐโมซัมบิก ถึงแม้ว่าจะมีสัดส่วนการร่วมทุนไม่มากนัก ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 8.5 แต่เป็นโครงการที่มีปริมาณก๊าซสูงมาก โดยบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) พิจารณาที่จะนำก๊าซเหลวธรรมชาติหรือ LNG มาใช้ประโยชน์ในประเทศไทย คาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนของโครงการได้ในปีหน้าและคาดว่าสามารถเริ่มผลิตและขาย LNG ครั้งแรกได้ในปี 2562

“โครงการในสาธารณรัฐโมซัมบิกเป็นโครงการที่ใหญ่มาก โดยมีการมองปริมาณก๊าซว่าจะอยู่ที่ 60-70 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต เทียบกับปริมาณก๊าซในอ่าวไทยปัจจุบันซึ่งมีประมาณ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต หากโครงการนี้สามารถเกิดเป็นรูปธรรมจะสร้างมูลค่าได้เป็นอย่างมาก และจะเป็นกู๊ดซัพพลายเพราะโลจิสติกส์ระหว่างตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกากับประเทศไทยค่อนข้างเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นแหล่ง LNG ให้แก่ประเทศอื่นๆ อีกด้วย” คุณสมพรกล่าว

ส่วนแนวโน้มการขยายธุรกิจในระยะยาวของบริษัท ตนมองว่าในอนาคตการขยายกำลังการผลิตภายในประเทศคงจะมีไม่มากนัก ทั้งนี้ หากต้องการให้บริษัทมีอัตราการเจริญเติบโตมากกว่านี้ การลงทุนในต่างประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถขยายโครงการได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นองค์กรจึงได้มีการปรับแผนและเตรียมความพร้อมในการลงทุนในต่างประเทศดังที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้น 

“เรามีความเชื่อมั่นและมีความพร้อมในการไปลงทุนในต่างประเทศ เพราะมีการวางระบบและระเบียบต่างๆ ไว้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยประเทศที่อยากจะเข้าไปลงทุนจะเป็นประเทศที่เรามีฐานการผลิตและมีประสบการณ์อยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นการต่อยอดธุรกิจไปเรื่อยๆ มากกว่าจะไปลงทุนในประเทศใหม่ ๆ” คุณสมพรกล่าว

คุณสมพรกล่าวในตอนท้ายถึงปริมาณการขายโดยรวมของบริษัทในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาว่า ตัวเลขคงไม่ทิ้งห่าง อาจบวกหรือลบเล็กน้อย แต่คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากโครงการระยะสั้นยังคงต้องดำเนินการต่อเนื่องเพราะบริษัทได้ลงทุนไปแล้ว ส่วนผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนในปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,417 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  (เทียบเท่า 45,905 ล้านบาท)

อนึ่ง ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของคนไทย มีพันธกิจหลักในการสรรหาปิโตรเลียมเพื่อสนองความต้องการใช้พลังงานทั้งภายในประเทศ และประเทศที่ไปลงทุน รวมทั้งสามารถนำเป็นรายได้กลับคืนสู่ประเทศไทย ปตท.สผ. เป็นบริษัทมหาชน หนึ่งในสิบบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าทุนตามตลาดสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ปตท.สผ.ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการมีส่วนร่วมรับผิดชอบสังคม โดยปฏิบัติตามหลักกฎหมายของประเทศไทยและประเทศที่ปตท.สผ.เข้าไปดำเนินการ โดยใส่ใจและสนับสนุนด้านสุขอนามัย ความปลอดภัย ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม ของชุมชนในพื้นที่พร้อมสนับสนุนสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังมีส่วนในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้แก่ ด้านการศึกษา และการส่งเสริมด้านสุขภาพอนามัยให้แก่ชุมชน ปตท.สผ.มุ่งเน้นการปฏิบัติจรรยาบรรณธุรกิจ เพื่อให้การดำเนินงานทางธุรกิจเป็นอย่างโปร่งใส่และสามารถตรวจสอบได้ โดยเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่แท้จริงแก่ผู้ถือหุ้นต่างๆ ตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับตามกฎหมายที่ได้ตกลงร่วมกันในสัญญากับประเทศเจ้าของพื้นที่ที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด

{gallery}Biz_Interview/2014/bfi_023/pttep/photo{/gallery}

ปตท.สผ. ได้ลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย  สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เวียดนาม โอมาน อัลจีเรีย ออสเตรเลีย  แคนาดา สาธารณรัฐโมซัมบิก สาธารณรัฐเคนยา และลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการ ปตท.สผ. อีกด้วย

Page Visitor

010671794
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
8704
5367
34492
18510
147900
10671794
Your IP: 3.129.210.17
2024-05-03 16:08
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.