“วอยซ์ คอร์ปอเรชั่น” ชูนวัตกรรมใหม่
วอยซ์ คอร์ปอเรชั่นโชว์ศักยภาพพัฒนาหุ่นยนต์ UBOT หุ่นยนต์ขนของภายในโรงงาน ตอกย้ำผู้นำด้านการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมหุ่นยนต์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย เล็งเจาะกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมเบา
คุณวิบูลย์ รักสาสน์เจริญผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอยซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจตัวแทนผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่น ถูพื้น ภายใต้แบรนด์ “iClebo” และผลิตหุ่นยนต์ UBOT เปิดเผยว่า หุ่นยนต์ UBOT เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่บริษัทได้ดำเนินการพัฒนาให้สามารถขนของในโรงงาน โดยตรงกับวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งบริษัทที่มุ่งเน้นที่จะเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหุ่นยนต์ และในปัจจุบันเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจด้านนี้
“เราพัฒนาหุ่นยนต์ UBOT มาปีกว่าแล้ว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เราสามารถพูดได้ว่า เราเป็นผู้พัฒนาหุ่นยนต์ที่ใช้ขนของในโรงงานได้ ซึ่งการนำเข้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่น iClebo และการคิดค้นผลิตหุ่นยนต์ UBOT อาจจะไม่สำคัญเท่าที่เราวางการดำเนินธุรกิจที่จะเป็นองค์กรที่ทำเกี่ยวกับหุ่นยนต์ โดยในประเทศไทยยังไม่มีใครทำ ส่วนใหญ่จะทำเกี่ยวกับเครื่องจักรกลโรงงานมากกว่า ดังนั้นเราจึงถือว่าเป็นเจ้าเดียวและเจ้าแรกในประเทศไทยที่ทำธุรกิจด้านนี้” คุณวิบูลย์กล่าว
สำหรับจุดเด่นและจุดแข็งของหุ่นยนต์ UBOT คือ สามารถเคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ได้อย่างอัตโนมัติในสถานที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องกำหนดทางเดินสำหรับหุ่นยนต์ และตีรางหรือตีเส้นทางบนพื้น ซึ่งการตั้งค่าและปรับเปลี่ยนเส้นทางเดินของหุ่นยนต์สามารถทำได้ง่าย ด้วยการตั้งค่าและป้อนข้อมูลเส้นทางของโรงงานในซอฟแวร์ที่แสดงผลบนหน้าจอบนตัวหุ่นยนต์ได้อย่างสะดวกและสามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 80-100 กิโลกรัม
โดยหุ่นยนต์ UBOT จะแตกต่างกับหุ่นยนต์ทั่วไป ในเรื่องของการเคลื่อนที่ ซึ่งหุ่นยนต์ทั่วไปจะเคลื่อนที่ด้วยการตีรางหรือตีเส้นทางบนพื้น เพื่อให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ตามเส้นทางที่วางไว้ จึงทำให้ยุ่งยากหากมีการย้ายจุดการทำงานไปยังจุดอื่น ในปัจจุบันหุ่นยนต์ UBOT ยังไม่เป็นที่รู้จักในตลาดอุตสาหกรรมมากนัก อย่างไรก็ตามลูกค้าที่มีการสั่งซื้อนวัตกรรมชิ้นนี้ไปใช้งานแล้วและมีความพึงพอใจเป็นอย่างดี
ด้านกลุ่มเป้าหมายของหุ่นยนต์ UBOT บริษัทมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเบาเป็นหลัก เนื่องจากหุ่นยนต์ UBOT ยังมีขนาดเล็กและไม่สามารถที่จะขนของที่มีน้ำหนักมากได้ แต่ในอนาคตจะมีการพัฒนาในส่วนของการรับน้ำหนักให้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังเล็งเจาะกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลมากขึ้นอีกด้วย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีโครงการที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ UBOT อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเริ่มจากฮาร์ดแวร์หุ่นยนต์เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม โดยจะเริ่มดำเนินการภายในไตรมาสแรกของปี 2558 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหาวัสดุอุปกรณ์ที่มีความแข็งแรง สามารถใช้งานและรองรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ส่วนระบบซอฟแวร์ไม่จำเป็นต้องพัฒนาเพราะสามารถนำระบบเดิมมาใช้งานได้
สำหรับมุมมองในการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น บริษัทได้มีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 1.B2C (Business to Consumer) หรือกลุ่มลูกค้าภาคครัวเรือน ซึ่งซื้อเพื่อใช้งานภายในบ้าน และ 2.กลุ่ม B2B (Business to Business) หรือกลุ่มลูกค้าประเภทองค์กร อาทิ โรงงาน โรงพยาบาล เป็นต้น
“การพัฒนาหุ่นยนต์ของเรา แบ่งออกเป็น 2 Segment คือ B2C และ B2B โดยการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า เราจะมีการพิจารณาตาม Market Segment และดูความต้องการของแต่ละ Segment ว่าต้องการหุ่นยนต์ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแบบใด และสินค้าใดที่จะสามารถเข้าไปตอบสนองต่อความความต้องการของแต่ละกลุ่มได้ ต่อจากนั้นเราจึงจะพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าต่อไป” คุณวิบูลย์กล่าว