เรือด่วนเจ้าพระยา ยกระดับการให้บริการ ชูเรือด่วนติดแอร์ 4 ลำแรกของไทย
เรือด่วนเจ้าพระยา เปิดตัว เรือด่วนปรับอากาศธงแดง “Riva Express” 4 ลำแรกของประเทศไทย ในเส้นทางสาทร-นนทบุรี ที่มาพร้อมกับ 6 จุดเด่นพิเศษ แย้มแผนครึ่งปีหลัง ติดตั้งระบบ Announcement บนเรือทุกลำ เพื่อตอบโจทย์ด้านความสะดวก ปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ
คุณเจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด
คุณเจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา เรือด่วนเจ้าพระยาได้นำเรือด่วนปรับอากาศธงแดง “Riva Express” จำนวน 4 ลำ ทดลองให้บริการเป็นวันแรกในเส้นทางสาทร-นนทบุรี โดยมีผู้โดยสารให้ความสนใจทดลองใช้บริการเป็นจำนวนมาก ด้วยจุดเด่นต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยและความสะดวกสะบายแก่ผู้โดยสาร ให้เป็นเสมือน “รถไฟฟ้าของแม่น้ำเจ้าพระยา”
โดยภายในห้องโดยสารชั้นล่างจะมีเครื่องปรับอากาศ ส่วนชั้นบนจะเป็นแบบเปิดโล่งสามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ พร้อมทั้งยังติดตั้งกล้องซีซีทีวี รวมทั้งระบบ Announcement ที่เป็นระบบการประชาสัมพันธ์และประกาศชื่อสถานีแบบสองภาษาภายในเรือด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เรือด่วนปรับอาการดังกล่าว ยังมี 6 จุดเด่นหลัก ที่ประกอบด้วย 1. ตัวเรือเป็นอลูมิเนียมทั้งลำ ต่างจากเรือลำก่อนหน้าที่เป็นไม้ทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้เรือด่วนเจ้าพระยามองภาพการพัฒนาระบบขนส่งโดยสาร ว่ามีความสำคัญและเป็นทางเลือกให้ผู้โดยสารที่ใช้ในการเดินทาง ให้เท่าทันระบบขนส่งทางรางหลายจุดที่สามารถเชื่อมต่อขนส่งทางน้ำได้
2. น้ำหนักเบา ทำให้ความปลอดภัยในการเดินทางสูงขึ้น เนื่องจากรูปแบบของเรือ Riva Express เป็นเรือคาตามารันแบบ 2 ท้อง เป็นเรือปรับอากาศ 2 ชั้น ความยาว 23.90 เมตร กว้าง 7 เมตร น้ำหนักประมาณ 25 ตัน ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเรือที่เป็นอะลูมิเนียมจะมีน้ำหนักเบา และสร้างคลื่นน้อย ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 350 แรงม้า 2 เครื่อง 3. เร็วขึ้น ด้วยความเร็วสูงสุด 18 นอต ทำให้ระยะเวลาในการเดินเรือสั้งลง ซึ่งเดิมการเดินเรือจากท่าน้ำนนทบุรีถึงท่าเรือสาทร จะใช้เวลาอยู่ที่ 50-60 นาที แต่เรือ Riva Express จะใช้เวลาประมาณ 30-35 นาที และบรรทุกผู้โดยสารได้มากขึ้นถึง 202 คน เพิ่มขึ้น 30% จากที่เคยบรรทุกมา
4. เชื่อมต่อกับระบบขนส่งทางราง ได้แก่ ท่าเรือสาทรเชื่อมต่อกับบีทีเอสสถานีสะพานตากสิน, ท่าเรือราชินีเชื่อมต่อกับเอ็มอาร์ทีสถานีสนามชัย และท่าเรือบางโพธิ์เชื่อมต่อกับเอ็มอาร์ทีสถานีบางโพธิ์ โดยในอนาคตอาจจะมีท่าเรือพระนั่งเกล้าที่เชื่อมต่อกับเอ็มอาร์ทีสายสีม่วงเพิ่ม ขณะเดียวกันยังรองรับบัตรแรบบิทในการรับชำระค่าโดยสาร เพื่อเสริมศักยภาพให้กับเรือด่วนเจ้าพระยาและเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการ 5. ตัวเรือทั้ง 4 ลำ มีความสวยงามด้วยงานเขียนระดับศิลปินแห่งชาติ 4 ท่าน 4 ลายที่สะท้อนความเป็นไทยอย่างชัดเจน
และ 6. ราคาโดยสารคุ้มค่า โดยช่วงโปรโมชันในการเปิดให้บริการครั้งแรก จะคิดค่าโดยสารเพียง 30 บาท จากปกติ 50 บาท เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันเปิดให้บริการ ส่วนการให้บริการเส้นทางหลักสาทร–บางโพธิ์ให้บริการ 09.40 น.–15.10 น., เส้นทางหลักบางโพธิ์–สาทร ให้บริการ 10.00 น.–15.40 น., เส้นทางให้บริการช่วงเช้านนทบุรี–สาทร เวลา 06.30 น.–08.10 น./สาทร–นนทบุรี เวลา 07.10 น.–07.30 น. และเส้นทางให้บริการช่วงเย็นสาทร–นนทบุรี เวลา 17.30 น.–18.30 น.
“สำหรับเรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่เรือปรับอากาศ เราก็มีแผนจะติดระบบ Announcement ที่เป็นระบบแจ้งเตือนการเข้าจอดเรือเหมือนกันบนเรือโดยสารปรับอากาศ เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้สังเกตพฤติกรรมของผู้โดยสาร ที่ส่วนใหญ่จะเร่งรีบ ตรงนี้มันอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เราจึงมองว่าสิ่งที่เราควรจะต้องให้ผู้โดยสารก่อนเป็นอันดับแรกคือระบบแจ้งเตือนการเข้าจอด ผู้โดยสารจะได้รู้ว่าถึงท่าไหนแล้ว เค้าจะได้เตรียมได้ทัน และมันจะลดการเกิดอุบัติเหตุได้ อันนี้ก็เป็นแผนที่เราวางไว้ และจะได้เห็นภายในครึ่งปีหลังนี้” คุณเจริญพรกล่าว