เปิดแผนธุรกิจ “สหมิตรถังแก๊ส” ลุย 3 โปรเจคเสริมแกร่ง
สหมิตรถังแก๊สเดินหน้า 3 โครงการลงทุน ทั้งการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในภาคการผลิต การขยายโรงงาน 3 และการผลิตถังอลูมิเนียม หนุนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน พร้อมรับอานิสงค์โควิด-19 หนุนยอดขายเพิ่มขึ้น มั่นใจปีนี้เติบโตเพิ่ม 30%
คุณสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC
คุณสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 และต่อเนื่องในปี 2564 ว่า บริษัทมีแผนที่จะลงทุน 3 โครงการใหญ่ ประกอบด้วย 1. โครงการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในภาคการผลิต โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของระบบออโตเมชัน เพื่อลดการใช้แรงงานคน ลดต้นทุนในการผลิต พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตถังบรรจุแก๊ส
ปัจจุบัน บริษัทได้นำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในโรงงานแล้วกว่า 50% โดยเฉพาะในจุดเชื่อม และที่อัดน้ำ ซึ่งในปี 2563 โดยใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2564 บริษัทคาดว่าจะนำหุ่นยนต์เข้ามาเสริมในส่วนของการขึ้นรูปถังแก๊ส และอาจจะมีการเพิ่มงบประมาณในการลงทุนมากขึ้น ซึ่งตัวเลขอาจจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 50-60 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะพยายามนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในทุกแผนกของกระบวนการผลิตถังแก๊ส
2. โครงการขยายโรงงาน 3 โดยในปัจจุบันบริษัทได้เริ่มดำเนินการผลิตถังขนาดใหญ่ (Storage Tank) ขนาด 450 ลิตรขึ้นไป เพื่อจำหน่ายในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างดีโดยเฉพาะในโซนอเมริกา เนื่องจากบริษัทพยายามที่จะทำโมเดลอื่นๆ เพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงต้องมีการขยายโรงงานดังกล่าวเพื่อมารองรับ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตอย่างเต็มรูปแบบได้ในเดือนกันยายน 2563 เป็นต้นไป โดยการขยายโรงงานในครั้งนี้บริษัทวางงบลงทุนประมาณ 80 ล้านบาท สำหรับกลุ่มค้าเป้าหมายจะอยู่โซนอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ และอื่นๆ บ้างเล็กน้อย
3. โครงการผลิตถังอลูมิเนียม สำหรับถังอลูมิเนียมเป็นสิ่งที่ลูกค้าเรียกร้องมาให้บริษัททำการผลิต เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทจะใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบในการผลิต จึงทำให้ถังแก๊สมีปริมาณน้ำหนักมาก แต่ลูกค้าต้องการถังที่มีน้ำหนักเบา โดยถังอลูมิเนียมมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในโซนอเมริกา และยุโรป อีกทั้ง ผู้บริโภคในโซนดังกล่าวมักเผชิญกับปัญหาของการเคลื่อนย้ายถังแก๊สเป็นประจำ ขณะนี้บริษัทได้เริ่มดำเนินการผลิตถังอลูมิเนียมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทดสอบเพื่อขอมาตรฐาน คาดว่าจะแล้วเสร็จอย่างเป็นรูปธรรมประมาณสิ้นปี 2563 โดยถังอลูมิเนียมจะทำการส่งออกไปยังต่างประเทศ 100%
ด้านแผนการลงทุนในต่างประเทศ เดิมบริษัทเตรียมขยายการลงทุนในโซนทวีปแอฟริกา อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันได้พิจารณาชะลอการเจรจาการลงทุนออกไปก่อน โดยยังไม่มีแผนล้มเลิกการขยายการลงทุน เนื่องจากต้องรอให้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ภาวะที่ดีขึ้น ซึ่งโรงงานดังกล่าวจะถือเป็นการเข้าลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สในต่างประเทศเป็นครั้งแรกของบริษัท โดยมีกำลังการผลิตที่ 2.5 ล้านใบต่อปี มูลค่าการลงทุนประมาณ 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 400 ล้านบาท
คุณสุรศักดิ์ กล่าวต่อถึงแนวโน้มผลประกอบการปี 2563 ว่า จากการเพิ่มกำลังการผลิต และปริมาณการส่งออกถังแก๊สเพิ่มขึ้น สนับสนุนให้ผลประกอบการดีขึ้นในไตรมาส 1/2563 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะดีต่อเนื่อง โดยตลอดทั้งปี บริษัทตั้งเป้ายอดขายถังแก๊สที่ประมาณ 7.3 ล้านใบ ปัจจุบันขายได้ประมาณ 1.6 ล้านใบ ดังนั้น เพื่อให้ตัวเลขเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ เบื้องต้นในครึ่งปีหลังหากไม่รวมยอดขายถังแก๊สในไตรมาส 2/2563 บริษัทต้องขายถังแก๊สให้ได้อีก 3.6 ล้านใบ และมั่นใจว่าหลังจากนี้ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมาย หรือเติบโตเพิ่ม 30% จากปี 2562
“จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เราได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นตัวช่วยที่ทำให้ยอดขายเราเติบโตเพิ่มขึ้น เพราะนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจนถึงปัจจุบันคนทั่วโลกต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน ทำให้ปริมาณการใช้แก๊สของแต่ละครอบครัวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการบริโภคในชีวิตประจำวัน ประกอบกับราคาแก๊สที่ถูกลง ทำให้ความต้องการถังแก๊สเพื่อหมุนเวียนในตลาดมีมากขึ้น ส่งผลให้ทุกภูมิภาคมีการสั่งถังแก๊สในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน จึงทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ในส่วนนี้” คุณสุรศักดิ์กล่าว
คุณสุรศักดิ์ กล่าวต่อถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรว่า มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมถังแก๊สของโลกโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน" ซึ่งเป็นนโยบายและวิสัยทัศน์ร่วมกันทั้งผู้บริหารและพนักงาน เพื่อให้ตระหนักรู้ว่าเป้าหมายขององค์กรคืออะไร ปัจจุบัน บริษัทถือว่าประสบความสำเร็จในด้านการผู้นำในอุตสาหกรรมถังแก๊ส และได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ซึ่งการันตีคุณภาพมาตรฐานการผลิตได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 14001
รวมถึง บริษัทยังมีแนวคิดที่จะทำให้ธุรกิจมีความยั่งยืน โดยส่วนใหญ่ในธุรกิจอุตสาหกรรม ต้นทุนจะเป็นตัวแปรหลักสำคัญ ทั้งนี้ หากสามารถทำให้มีต้นทุนในราคาที่แข่งขันได้ ก็จะอยู่ได้ในธุรกิจนี้ ดังนั้น บริษัทจึงเน้นการอบรมบุคลากรขององค์กร เพื่อให้มีความคิด มีความสามารถที่ทันสมัย ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการผลิต ซึ่งได้มีการดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง