“สี่มุมเมือง” ทุ่มงบ 4,500 ลบ. เสริมความแกร่ง เปิด “ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่”
“ตลาดสี่มุมเมือง” ตลาดค้าส่งผัก-ผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ควักเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท ขยายและปรับปรุงตลาดในโครงการ “ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่” เร่งเปิดตลาดค้าส่งผลไม้ยุคใหม่ปลายปี 2563 พร้อมชูจุดเด่นอาคารรถผักขนาดใหญ่ เน้นสร้างฐานความมั่งคงตลาด ยกระดับคุณภาพเกษตรกร
คุณปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด
คุณปณาลี ภัทรประสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอนเมืองพัฒนา จำกัด หรือตลาดสี่มุมเมือง ศูนย์กลางค้าส่งผักผลไม้ ครบถ้วน ราคายุติธรรม ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาท เพื่อขยายและปรับปรุงตลาดเดิม โดยได้เปิดตัว “โครงการตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่” บนพื้นที่กว่า 320 ไร่ เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 70% โดยแบ่งออกเป็น โซนตลาดผักยุคใหม่ พื้นที่ 143 ไร่ ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2562 ถือเป็นตลาดค้าส่งผักที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งถูกปรับปรุงให้มีความทันสมัย โดยขยายพื้นที่การค้าขึ้นอีก 30% และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวก รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
โซนตลาดผลไม้ยุคใหม่ บนพื้นที่ 113 ไร่ ปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2563 และสามารถเปิดอย่างเป็นทางการได้ในเดือนมกราคม 2564 เพื่อเพิ่มพื้นที่การค้าขึ้นอีก 45% และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีความทันสมัย อีกทั้งยังมี “ตลาดมะม่วง” ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และตลาดผลไม้ต่างประเทศที่มีห้องเย็นขนาดใหญ่ภายในแผงค้า เพื่อรักษาคุณภาพความสดใหม่ของผลไม้ รองรับการบริโภคผลไม้ต่างประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ตลาดสี่มุมเมืองได้มีการลงทุนก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณด้านหลังตลาดที่เชื่อมต่อถนนกำแพงเพชร 6 (ถนนโลคัลโรด) เพื่อเข้าสู่ตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี 2563 และสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือนมกราคม ปี 2564 พร้อมกับตลาดผลไม้ยุคใหม่ ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้าสู่ตลาดของลูกค้ามีความสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
คุณปณาลี กล่าวต่อว่า โครงการตลาดสี่มุมเมืองยุคใหม่ มีมาตรฐานสากล และแนวคิดการออกแบบ เพื่อให้ความสำคัญกับทุกคนที่ใช้บริการตลาด เพราะตลาดเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ที่มีผู้คนมากมายมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ทั้งเกษตรกร ผู้ค้า ผู้ซื้อ ผู้ใช้แรงงาน รวมถึงพนักงานทุกคน ฉะนั้น ตลาดสี่มุมเมืองจึงเป็นสถานที่แห่งโอกาส มอบชีวิตใหม่ และมอบอาชีพ โดยหลังคาของอาคารทุกตลาด ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “จั่ว” หรือ “หลังคาบ้าน” เอกลักษณ์ไทยในรูปแบบร่วมสมัย และเป็นโลโก้ของตลาดสี่มุมเมือง เพราะบ้านคือศูนย์รวมสมาชิกในครอบครัว ที่ทุกคนสามารถเข้ามาพึ่งพิง ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข อบอุ่น และมีความสัมพันธ์ที่ดีช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน ซึ่งสะท้อนคำว่า “ครอบครัวสี่มุมเมือง” ได้เป็นอย่างดี
“การลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เราได้ช่วยให้เกษตรกรและพ่อค้าแม่ค้า มีพื้นที่ขายของและสามารถนำของมาลงหรือมาขายได้มากขึ้น โดยสี่มุมเมืองพยายามสร้างรากฐานของเราให้มั่นคง แข็งแกร่ง เพื่อเป็นการยกระดับชีวิตพวกเขา ตรงนี้ถือว่าเราแคร์เขามาก เพราะเขาอยู่ที่นี่ 24 ชั่วโมง อยู่เป็นครอบครัวของสี่มุมเมือง เพราะฉะนั้นเราต้องพยามทำอะไรก็แล้วแต่ให้เขามีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้น” คุณปณาลีกล่าว
ทั้งนี้ ตลาดสี่มุมเมืองยังมีหนึ่งเอกลักษณ์ที่โดดเด่น คือ “อาคารรถผัก” ขนาดใหญ่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่ตลาดค้าส่งอื่นๆ ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ โดยในทุกวันจะมีเกษตรกรนำผัก-ผลไม้ชนิดต่างๆ จากแหล่งผลิตมาจอดขายจากท้ายรถให้กับผู้ซื้อโดยตรงกว่า 1,500 คัน ซึ่งเกษตรกรสามารถเลือกวันมาขายได้ตามผลผลิตที่มี เป็นการลดต้นทุนให้กับเกษตร โดยไม่ต้องเช่าแผงค้าประจำ เพียงเสียค่าธรรมเนียมเมื่อขับรถเข้ามาขายเท่านั้น ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรองรับปริมาณผู้ซื้อและผู้ขายที่เพิ่มขึ้น ตลาดสี่มุมเมืองยังได้ขยายพื้นที่จอดรถ ให้สามารถรองรับรถได้มากกว่า 4,000 คัน เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ซื้อ ผู้ขายที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างมากในอนาคต
ปัจจุบันตลาดสี่มุมเมืองมีปริมาณซื้อขายผัก-ผลไม้สูงถึง 8,000 ตันต่อวัน รวมมูลค่าการซื้อขายกว่า 100,000 ล้านบาทต่อปี โดยถือเป็นตลาดที่ครอบคลุมถึง 60% ของการบริโภคผัก-ผลไม้ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี สามารถรองรับผู้ซื้อกว่า 10,000 รายต่อวัน มีจำนวนผู้ขายมากถึง 3,500 รายต่อวัน รวมทั้งมีพื้นที่การค้ากว่า 4,000 แผงค้า โดยจำหน่ายผักผลไม้และของสดกว่า 1,300 ชนิด ที่ครบทุกความต้องการของผู้ซื้อ