May 03, 2024

อ.ส.ค. ปรับกลยุทธ์ ลุย E-commerce เจาะทุกกลุ่มผู้บริโภค

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

อ.ส.ค. ปรับกลยุทธ์ ลุย E-commerce เจาะทุกกลุ่มผู้บริโภค

องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เร่งปรับตัวหลังวิกฤติโควิด-19 รุกตลาดออนไลน์ เสริมช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รองรับการเปลี่ยนแปลงผู้บริโภค พร้อมประกาศความสำเร็จ 6 ปีซ้อน คว้า 2 รางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น 2563 ตอกย้ำการก้าวเป็นศูนย์กลางการบริหารอุตสาหกรรมโคนมของประเทศและผู้นำอุตสาหกรรมนมระดับอาเซียนในทุกมิติ 

คุณสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) 

คุณสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกในปี 2563 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทุกประเภทรวมทั้งอุตสาหกรรมนมอย่างมาก แต่ อ.ส.ค. ก็สามารถฝ่าวิกฤตินำพาองค์กรและผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ครอดพ้นมาได้ จากการปรับแผนส่งเสริมการขายและการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค เศรษฐกิจ และการแข่งขัน

โดย อ.ส.ค. ได้หันมาใช้ช่องทางการขายผ่านระบบ E-commerce หรือตลาดออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนไป และเป็นการรักษาส่วนแบ่งในตลาดและขยายอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คทั้งในและต่างประเทศในอนาคต จึงต้องเร่งปรับแผนกลยุทธ์เพื่อขยายตลาด และเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่

ขณะเดียวกันยังได้ศึกษาและวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนใจและบริโภคนมมากขึ้น รวมทั้งวางเป้าหมายทำรายได้ให้เข้าเป้าตามแผนรัฐวิสาหกิจระยะ 5 ปีซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2564 ที่กำหนดยอดขายไว้ที่ 12,000 ล้านบาท อีกทั้งยังเร่งขับเคลื่อนแบรนด์นมไทย-เดนมาร์คให้ก้าวสู่นมแห่งชาติในปี 2565 (Being ‘National Milk by 2022) และเพื่อตอกย้ำการเป็น “Value  Proposition” อันแข็งแกร่งของแบรนด์ไทย-เดนมาร์ค นั่นคือ ผลิตจากนมโคสดแท้ 100%

“อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 อ.ส.ค. เราตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท แต่ด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ยอดเราลดลงไปจากที่ตั้งไว้ 500 ล้านบาท ส่วนในปีหน้า เนื่องจากเรากำลังเร่งปรับกลยุทธ์ต่างๆ ทั้งการดำเนินงาน การตลาด รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ คาดว่าน่าจะกลับมาดีขึ้น เราก็ตั้งเป้าไว้ที่ 12,000 ล้านบาท ตามแผนเดิม” คุณสุชาติกล่าว

ในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณสุชาติ กล่าวว่า อ.ส.ค. ได้เปิดโยเกิร์ตพร้อมดื่มปราศจากไขมัน ยูเอชที กลิ่นเสาวรส ผสมบุก (ตราไทย-เดนมาร์ค ชิวดี) “Chew-D” ขนาด 200 มิลลิลิตร ในราคา 16 บาท ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2563 โดยเริ่มจำหน่ายผ่านช่องทาง Shopee Lazada และ Tops Supermarket เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังมีแผนจะนำเข้า 7-11 ในช่วงสิ้นปี 2563 นี้ด้วย

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นโยเกิร์ตพร้อมดื่มที่ถูกจัดอยู่ในหมวด อาหารว่างเพื่อสุขภาพ (Healthy Snacks) ที่สามารถดื่มแทนมื้ออาหาร เพื่อควบคุมน้ำหนักได้ เนื่องจากผลิตจากน้ำนมโคสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผง ปราศจากไขมัน (มีไขมันทั้งหมด 0%) ใช้ชูกาเวียเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ให้พลังงานแค่ 60 kcal อีกทั้งยังมีเนื้อสัมผัสพิเศษจาก Chewy Beads ผลิตจากเนื้อบุก กินอยู่ท้อง มีประโยชน์มากกว่าโยเกิร์ตสูตรปกติ

ปัจจุบันผู้บริโภคกำลังตื่นตัวกับกระแสการรักสุขภาพมากขึ้น ผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการสินค้าที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากพืชพรรณธรรมชาติ อ.ส.ค. จึงวางเป้าหมายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในทุกปี เพื่อเพิ่มสัดส่วนทางธุรกิจตลาดนมพร้อมดื่มดั้งเดิมกับตลาดโมเดิร์นเทรดเป็น 50 : 50 ภายในปี 2564

ขณะที่ล่าสุด อ.ส.ค. ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Award) ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด “รัฐวิสาหกิจร่วมใจ ไทยปลอดภัยเข้มแข็ง : STAY SAFE AND STORNG TOGETHER” ซึ่งจัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง โดยในปีนี้ได้รับถึง 2 รางวัล คือ รางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่น รับมอบโดย คุณศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ประธานคณะกรรมการ อ.ส.ค. และ รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น รับมอบโดย ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ อดีตผู้อำนวยการ อ.ส.ค.

คุณสุชาติ กล่าวว่า สำหรับรางวัลการพัฒนาองค์กรดีเด่น และรางวัลผู้นำองค์กรดีเด่นที่ได้รับในปีนี้ ถือเป็น 2 รางวัลแห่งประวัติศาสตร์แห่งความภาคภูมิใจของ อ.ส.ค. ที่เกิดจากความมุ่งมั่นพยายามของทุกคนในการพัฒนาองค์กรและตนเอง จนได้รับการยอมรับและเชื่อมั่น ซึ่งรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่นนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาจากแนวโน้มของความยั่งยืนในการพัฒนาองค์กรในด้านต่างๆ อาทิ แนวทางการบริหารองค์กรรูปแบบใหม่ การพัฒนา Productivity Ratio หรือประสิทธิภาพการผลิตและการเพิ่มผลผลิต รวมถึงการนำ Thailand 4.0 มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรได้อย่างสอดคล้องและเหมาะสม เป็นต้น

ส่วนรางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น คณะกรรมการพิจารณาจากผลประกอบการตามภารกิจ และผลประกอบการทางการเงิน และการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ที่ทำให้ประสบความสำเร็จหรือที่ทำให้สามารถพัฒนาองค์กรได้ รวมทั้งการให้ความสำคัญและการดำเนินการด้าน CG, CSR ของผู้นำเพื่อพัฒนาองค์กรให้ยั่งยืน เป็นต้น

ที่ผ่านมา อ.ส.ค. ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ไม่ว่าจะเป็นประเภทรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารจัดการสารสนเทศ 2 ปีซ้อน ปี 2558-2559 และจากการเดินหน้าพัฒนาองค์กรมาอย่างต่อเนื่องทำให้ปี 2560 ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นด้านพัฒนาองค์กรดีเด่นในภาพรวม และปี 2561 ได้รับ 2 รางวัลคือรางวัลพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และรางวัลความร่วมมือเพื่อการพัฒนาดีเด่น ด้านการยกระดับการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นความร่วมมือในโครงการพี่เลี้ยงระหว่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และในปี 2562 ได้รับรางวัล ประเภท พัฒนาองค์กรดีเด่นด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล

“การได้รับรางวัลดังกล่าว เป็นความภาคภูมิใจของพนักงาน อ.ส.ค. อย่างยิ่ง และถือเป็นขวัญกำลังใจสำคัญในการเดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาองค์กรให้แข่งแกร่งทางด้านธุรกิจ ควบคู่กับการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนม การพัฒนาอุตสาหกรรมนมไทยให้เป็นที่ยอมรับ มีความมั่นคงและยั่งยืนคู่สังคมไทย โดยเฉพาะการทำหน้าที่ในการส่งเสริมและสืบสานสืบสานโคนมอาชีพพระราชปณิธานให้คงอยู่กับคนไทย รวมทั้งสร้างแบรนด์นมไทย-เดนมาร์คให้เป็นที่ยอมรับและครองใจผู้บริโภค ควบคู่กับการบริหารจัดการองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง (HPO) ด้วยหลักธรรมาภิบาลตลอดไป” คุณสุชาติกล่าว

Page Visitor

010672749
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
9659
5367
35447
19465
147900
10672749
Your IP: 18.224.59.231
2024-05-03 20:34
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.