กปน. ครบรอบ 56 ปี ย้ำวิสัยทัศน์ “ประปาคุณภาพ เพื่อชีวิตที่ดี”
การประปานครหลวง (กปน.) ประกาศศักยภาพ 56 ปี มุ่งมั่นดำเนินกิจการด้วยการผลิตและให้บริการน้ำประปาที่สะอาดปลอดภัยให้แก่ประชาชน พร้อมนำพาองค์กรสู่การพัฒนาตามวิสัยทัศน์ "ประปาคุณภาพ เพื่อชีวิตที่ดี" (Quality Water for Quality Living)
คุณนิสิต จันทร์สมวงศ์ ประธานกรรมการการประปานครหลวง หรือ กปน. กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา คณะกรรมการ กปน. ได้ส่งมอบนโยบายกำกับดูแล และสนับสนุนให้องค์กรมีระบบบริหารจัดการที่ดีมีความสามารถในการแข่งขันเพื่อพัฒนาประเทศ เสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ให้แก่ประชาชน ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นองค์กรสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานชั้นนำของประเทศ ที่ผลิตและจัดส่งน้ำประปาอันใสสะอาด และได้มาตรฐานสากลให้ถึงมือประชาชนในพื้นที่ความรับผิดชอบทุกครัวเรือน ด้วยหลักธรรมาภิบาลองค์กร เพื่อแก้ปัญหาและยึดมั่นประโยชน์สุขของประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Citizen Centric) ตามปณิธานของกระทรวงมหาดไทย ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพราะคุณค่าจากน้ำทุกหยด รวมเป็นพลังแห่งความสุขที่ยิ่งใหญ่ เพราะเราเชื่อว่า "ประปาคุณภาพ เพื่อชีวิตที่ดี" (Quality Water for Quality Living)”
ยิ่งไปกว่านั้น เรายังคงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการให้บริการงานประปาตามมาตรฐานสากล ด้วยทิศทางการพัฒนาและปรับเปลี่ยนการดำเนินงานตามแนวทาง "Change for Better CARE : เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่าอย่างยั่งยืน" เพื่อมอบสิ่งที่ดีกว่าให้กับประชาชนผู้ใช้น้ำ สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน ด้วยการตอบสนองที่ทันท่วงทีรวดเร็ว และทุกการดำเนินงานของเราจะสร้างประโยชน์ที่แท้จริงต่อประชาชน และประเทศชาติอย่างเท่าเทียม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างเคร่งครัด พร้อมเร่งสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง และพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมขึ้นมารองรับการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
คุณนิสิต กล่าวถึงการพัฒนาองค์กรด้วยว่า ในปีนี้นับเป็นปีที่ 56 ของ กปน. และกำลังจะก้าวสู่ปีที่ 57 ในปี 2567 นี้ กปน. เรายังคงเดินหน้าก้าวเข้าสู่ช่วงรอยต่อการดำเนินงานของแผนวิสาหกิจ กปน. ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2566-2570) ซึ่งถือเป็นปีแห่งความท้าทายในการดำเนินงานอีกปีหนึ่ง ที่ยังคงมุ่งมั่นดำเนินกิจการด้วยการผลิตและให้บริการน้ำประปาที่สะอาดปลอดภัยให้แก่ประชาชน ตามแนวทางการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) และแผนปฏิรูปประเทศ โดยให้ความสำคัญในทุกๆ กระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ยกระดับการจัดการคุณภาพน้ำประปา ตามแผนน้ำประปาปลอดภัย (Water Safety Plans: WsP) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยนำหลักปฏิบัติที่ดีในการผลิต และหลักการบริหารความเสี่ยงมาใช้ในการจัดการคุณภาพน้ำตลอดห่วงโซ่ระบบประปา ตั้งแต่แหล่งน้ำดิบจนถึงลูกค้า
นอกจากนี้ กปน. ยังได้ดำเนินการปรับขนาดองค์กร (Rightsizing) เพื่อให้เกิดความเหมาะสมยืดหยุ่น และความคล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งเตรียมผลักดันองค์กรไปสู่วัฒนธรรมการดำเนินงานในรูปแบบใหม่ ขับเคลื่อนทิศทางการดำเนินเชิงธุรกิจมากขึ้น และขยายช่องทางบริการธุรกิจเสริมที่เกี่ยวเนื่องของ กปน. ที่มีชื่อว่า "One Stop Water Services by MWA" เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวก สบาย แก่ลูกค้าที่ต้องการใช้บริการงานดูแลรักษาระบบประปาภายในบ้าน ด้วยบริการครบวงจรที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน อาทิ การบริการให้คำปรึกษา ออกแบบระบบผลิตและจัดส่งน้ำประปา (Design) บริการตรวจสอบระบบประปา (Check-up) บริการสำรวจ และซ่อมท่อประปา และบริการล้างถังพักน้ำขนาดเล็ก-ขนาดใหญ่ (Preserve) รวมถึงบริการทดสอบคุณภาพน้ำ โดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญ และห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/EC 17025
รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (ศปช.) หรือ MWA Command Center เพื่อรวบรวมติดตามเรื่องร้องเรียน และสั่งการแก้ไขความเดือดร้อนที่เกี่ยวข้องกับกิจการประปาให้กับประชาชน ด้วยการบูรณาการสำนักงานประปาทุกสาขา รวมทั้งแก้ไขปัญหาในภาวะวิกฤติ เพื่อให้การดูแลและบรรเทาความเดือดร้อนมีความรวดเร็วฉับไว ให้ประชาชนมีน้ำใช้อย่างต่อเนื่อง พร้อมขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การบริหารจัดการแบบบูรณาการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน นับเป็นอีกก้าวที่สำคัญซึ่งยืนยันถึงการเป็นหน่วยงานที่ให้บริการสาธารณูปโภคด้านน้ำประปาชั้นนำของประเทศ นำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญขององค์กร พร้อมดึงศักยภาพของบุคลากรมาสร้างโอกาสการเติบโตของธุรกิจ ส่งมอบให้แก่ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างยั่งยืน
วางเป้าหมายการเติบโตของ กปน. คุณนิสิต กล่าวว่า “เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร พร้อมก้าวไปข้างหน้า เพื่อขับเคลื่อนองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน กปน. ได้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในองค์กร (Digital Transformation) ตลอดจนการวางกรอบธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ช่วยให้องค์กรกำหนดความรับผิดชอบการตัดสินใจและดำเนินการกำกับข้อมูลองค์กร เพื่อสร้างมาตรฐานด้านการบริหารจัดการและกำกับดูแลข้อมูล โดยถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่องค์กรต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นการส่งเสริมศักยภาพในการนำข้อมูลไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกำหนดและบังคับใช้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับงานด้านข้อมูลภายในองค์กร รวมถึงการใช้บุคลากรและกระบวนการ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น อันเป็นรากฐานสำคัญขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ Data-Driven Organization”
สำหรับการบริหารจัดการน้ำสูญเสียเชิงรุก (Proactive Water Loss Management) เราได้มุ่งเน้นการจัดการน้ำสูญเสียให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีมาช่วยในการผลิตน้ำประปา เพื่อให้ประชาชนมีน้ำประปาใช้อย่างเพียงพอด้วยแรงดันน้ำที่สม่ำเสมอ พร้อมมีการจัดตั้งหน่วยธุรกิจเสริม (Business Unit) และบริษัทในเครือ เพื่อให้องค์กรเกิดความคล่องตัว พร้อมพัฒนาระบบการร้องทุกข์ ร้องเรียน และบริการประชาชน ด้วยการบูรณาการทุกสาขา เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Business Expansion & Customer Centric)
นอกจากนี้ เรายังมีการแสวงหาพลังงานทดแทนและนวัตกรรม (Renewable Energy & Innovation) โดยการนำพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดเข้ามาช่วยในการดำเนินงาน เพื่อลดปริมาณการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) รวมถึงมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการควบคุมการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance Risk & Compliance) เพื่อส่งเสริมการดำเนินงาน ตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และหลัก ธรรมาภิบาลขององค์กร ตลอดจนการบริหารความเสี่ยงและควบคุมภายในที่ดีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน กปน. ได้เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการให้บริการ โดยได้จัดทำนโยบายความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management System: BCMS) เพื่อให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในภาวะที่ต้องเผชิญกับเหตการณ์รุนแรงหรือภัยคุกคาม โดยสามารถบรรเทาความรุนแรง จำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ให้ภารกิจที่สำคัญสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยลดผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปกป้องชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิผล
รวมถึงยังได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยแล้งและสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นประจำทุกปี อันส่งผลให้เกิดลิ่มความเค็มและภาวะน้ำกร่อย พร้อมทั้งจับมือกับกรมชลประทานในการบริหารจัดการควบคุมปริมาณการระบายน้ำท้ายเขื่อนต่างๆ ของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาให้มีความเหมาะสมและเพียงพอต่อการผลักดันน้ำเค็มตามแผนที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ตลอดช่วงระยะเวลาของฤดูแล้งที่ผ่านมายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี สามารถผลิตน้ำประปาตามปกติ ทั้งคุณภาพและรสชาติ ซึ่งประชาชนมั่นใจว่าภาวะน้ำทะเลหนุนจะไม่ส่งผลต่อการผลิตน้ำประปาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น กปน. จะแจ้งให้ประชาชนรับทราบข้อมูลล่วงหน้า เพื่อเตรียมการใช้น้ำประปาได้อย่างทันท่วงที
