เปิดวิสัยทัศน์ผู้บริหาร “อมตะนคร” ลั่นไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาองค์กร
คุณวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) ให้สัมภาษณ์พิเศษ Biz Focus เกี่ยวกับโครงการในอนาคต การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ AEC รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ดังนี้
คุณวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)
Biz Focus : โครงการในอนาคตมีแผนดำเนินการอย่างไร
คุณวิบูลย์ : ปกติผมวางแผนและคาดการณ์อะไรไว้ไม่เคยพลาดนะ แต่ตอนนี้สถานการณ์หลายอย่างยังไม่นิ่ง ก็คาดการณ์ได้ยาก อย่างไรก็ตาม การที่จะวางแผนทำโครงการอะไร ผมจะ Flow Cash Under Protect อยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็จะไม่ Flow Cash แบบ Conservative นะ ผมค่อนข้างจะทำงานเชิงรุกและค่อนข้างจะ Aggressive ด้วยซ้ำ เพราะผมมั่นใจว่าบวกลบ 10% ผมสู้ไหว มันเป็นเรื่องของ Challenge นะ เพราะการทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเราตั้งแบบไม่ท้าทาย เราจะตั้งไปทำมั้ย ผมไม่ใช่พวกหน่อมแน้ม ผมเป็นประเภท Fighter ยิ่งถ้าเราลุยมาก ผลสะท้อนที่ดีๆ ก็จะกลับไปที่ผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้น และGDP ของประเทศที่เติบโตขึ้น
ผมพูดตลอดเวลาว่าเงินตรงนี้ไม่ใช่เงินกู้ แต่เป็นเงินที่เค้าเอามาลงทุนให้เราเพื่อต่อยอดต่อดอกต่อผลให้มันเติบโต ไม่ว่าจะเป็นการสร้างงาน การสร้างเศรษฐกิจให้กับพวกเรา เงินลงทุนส่วนนี้ก็จะหมุนเวียนกลับมาอีกหลายรอบ เงินทุนหมื่นล้านก็จะงอกเงยเป็นเจ็ดหมื่นแปดหมื่นล้าน ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องที่อมตะมั่นใจและตั้งใจไว้สูงมาก อะไรที่ไม่ดีเรารีบปรับปรุงแก้ไข เพราะเราต้องการเห็นบ้านเมืองที่เรารัก นี่คือสิ่งที่เราอยากได้ ผมจึงพัฒนาอมตะไปเรื่อยๆ เราไม่เคยหยุด ต่อให้เศรษฐกิจไม่ดี เราก็ต้องคิดว่าเราควรจะทำอย่างไร เราต้องประมาณกำลังของตัวเองเหมือนกัน เงินทุกบาททุกสตางค์เราใช้จ่ายต้องมีแบบแผนที่ชัดเจน
Biz Focus : ผลประกอบการปี 2556 เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่
คุณวิบูลย์ : ไม่ได้พลาดเป้าอะไรจากที่ผมได้วางไว้เมื่อปีที่แล้ว แต่สำหรับแผนปีนี้เราต้องมองใหม่เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่นิ่ง เราจึงต้องให้เวลาในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจสักครึ่งปี เพื่อประเมินสถานการณ์และพยากรณ์แผนงานต่อไปได้
Biz Focus : มุมมองเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ AEC
คุณวิบูลย์ : AEC เป็นเรื่องของอนาคตก็จริง แต่ว่าอนาคตจะสดใสได้ เราต้องเคลียร์ตัวเราเองให้เรียบร้อยเสียก่อน ทำบ้านเมืองของเราให้น่าอยู่ การลงทุนก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เรารู้กันอยู่ว่า AEC จะเกิดขึ้นปีไหน เราก็ควรจะจัดการบ้านเมืองของเราให้สะอาดให้ดูดี คำว่า “ดูดี” ไม่ได้หมายถึงว่าสะอาดเพียงอย่างเดียว บางคนมองว่ารก แต่อีกคนอาจจะมองว่าเป็นศิลปะก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ตลาดร้อยปี ตลาดโบราณ เค้าขายความเป็นศิลปะ เค้าก็ขายได้ เราสามารถคิดให้แตกต่างกับคนอื่นประเทศอื่นได้ แต่เราอย่าคิดแตกแยกเพื่อให้บ้านเมืองของเรากลับคืนสู่สภาวะปกติ
สำหรับแผนงานที่เราเคยวางไว้ที่จะลงทุน 2,000 ล้านบาทในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เงิน 2,000 ล้านบาทอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคทั้งหมดด้วยซ้ำ เพราะเรายังต้องขยายออกไปเรื่อยๆ เรายังต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาส่วนนี้อีกมาก เพราะเราให้ความสำคัญกับคำว่า “บริการ”มาก
Biz Focus : ผลกระทบที่ส่งผลกับอมตะต่อสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเช่นไร
คุณวิบูลย์ : เราอยู่ตรงนี้สบายมาก เราใช้เวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ มาอมตะนครแค่ 30 นาที จากอมตะนครไปอมตะที่ระยองแค่ 30 นาทีเช่นกัน อันนี้ไม่นับเรื่องอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงนะ เราอยู่ตรงนี้เป็นกึ่งกลางระหว่างกรุงเทพฯ และระยอง เพราะเรามีนิคมอุตสาหกรรมที่ระยองด้วย การดูแลและจัดการก็ทำได้ไม่ยาก ไม่ต้องเผชิญกับภาวะรถติดและไม่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ก็ถือว่าในทางตรง เราไม่ได้รับผลกระทบอะไร
Biz Focus : Biz Focus มีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้บริหารของอมตะ บี.กรีม เพาเวอร์ เกี่ยวกับโครงการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดย่อยเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าภายในนิคมอุตฯ ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้อย่างไร
คุณวิบูลย์ : มันเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้าของเราในเรื่องของการไม่ขาดแคลนจนทำให้ธุรกิจสะดุดอย่างแน่นอน เราเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งที่จะเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้าของเรามากขึ้น คือมีทั้งทางเลือกของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่จะคอยบริการให้ลูกค้าเกิดความสบายใจ เพราะที่นี่คือประเทศของเรา เราอยากให้ประเทศของเราดีก็ต้องทำแต่เรื่องดีๆ เพราะเป็น “ประเทศของเรา”
Biz Focus : แนวทางการดำเนินงานของอมตะเป็นอย่างไร
คุณวิบูลย์ : เรามีความคิด Life Concept “เกิดที่นี่ ตายที่นี่” ช่วงเวลาระหว่างเกิดจนตายมันมีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย เราเกิดก็โรงพยาบาล เราตายก็โรงพยาบาล แต่ในระหว่างที่เราจะโตมาเนี่ย จะต้องมีสถานที่ศึกษา สถานที่ทำงาน สถานที่สันทนาการและสถานที่อื่นๆ ที่รองรับเราในช่วงขณะที่เรามีจิตใจที่ว้าวุ่น Lifestyle ช่วงนี้มันยาวมากนะ โดยเฉพาะช่วงเวลาของคนทำงาน สมมติว่า อายุ 22 ปี เราจบปริญญาตรี เราจะต้องทำงานจนถึงอายุ 60 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน คนเราเวลาทำงานวันละ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน วันๆนึงก็หมดละ บางทีอาจมีเหนื่อย เครียด บางทีไปสถานที่ทำงาน ทำอะไรผิดๆ ถูกๆ ถูกด่าอีก กลับมาเครียด หรือบางคนทำงานจนเหน็ดเหนื่อย เค้าก็อยากจะพักผ่อนนะ ก็อยากนอนนะ หรือ เอ๊ะ! ชั้นอยากจะไปซื้อของหน่อย ไปจับจ่ายใช้สอย ไปหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เช่น วิ่ง ตกปลา นั่งเล่น หรือกิจกรรมอื่นๆ เชิงสันทนาการ
ดังนั้น Concept ของเราคือสร้างสถานที่เหล่านี้เพื่อรองรับช่วงเวลาที่เค้าอยู่กับเราได้มั้ย ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลวิภาราม (อมตะ) ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในตอนนี้ที่ใกล้จะแล้วเสร็จเร็วๆ นี้ เมื่อก่อนเรามีเพียงแค่โพลีคลินิกเล็กๆ แต่เรามองว่าไม่เพียงพอต่อประชากรที่มาใช้บริการ เราก็ระเบิดความคิดสร้างโรงพยาบาลขึ้นมาเลย มันเป็นหนึ่งในพื้นฐานของชีวิตตามหลักปัจจัย 4 ที่เราให้ความสำคัญ เพราะต่อไปเมื่อมีสถานที่ทำงานตรงนี้เกิดขึ้น ต่อไปก็ต้องมีครอบครัว มีลูก มี Lifestyle ที่อยู่ตรงนี้ แต่อย่างไรก็ดีโครงการพวกนี้เราค่อยๆ ทำแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เป็นโครงการระยะยาวที่เราจะสานต่อไปเรื่อยๆ แล้วเราก็เอาผลกำไรค่อยๆ ย้อนกลับคืนมาให้ผู้ถือหุ้นได้เห็น เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “Rome was not built in a day” คำนี้ใช้กับเราได้ถูกต้องที่สุด เพราะเราต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
Biz Focus : สิ่งที่อมตะอยากให้ภาครัฐสนับสนุน
คุณวิบูลย์ : ในเรื่องของสัมปทานที่เราได้รับมา เราทำทุกอย่างอยู่ในกฎหมายและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐ รัฐมีนโยบาย เราก็ทำตามนโยบายของรัฐ บริษัทมีนโยบาย เราก็ต้องทำตามนโยบายบริษัท นิคมอุตสาหกรรมมีนโยบาย เราก็ทำตามนโยบายของนิคมอุตสาหกรรม แต่นโยบายทั้งหลายทั้งมวลจะต้องสอดคล้องกัน ถ้าไม่สอดคล้องกันก็ยุ่ง เราจะเดินไม่ถูกทาง เราจะต้องจูนกันให้สอดคล้องกันให้ได้มากที่สุด
Biz Focus : มุมมองในเรื่องการแข่งขันในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมอย่างไร
คุณวิบูลย์ : ผมไม่ได้ยึดถือการแข่งขันเป็นสรณะอะไร เพราะนักลงทุนที่เข้ามา เค้ารู้อยู่แล้วว่าควรจะเลือกอย่างไร เค้าจะต้องคิดตาม logistic ของเค้า ยกตัวอย่างเช่น โรงงานแม่อยู่ภาคเหนือ โรงงานลูกจะมาตั้งที่ภาคตะวันออกไหวมั้ย ค่าขนส่งมันไม่คุ้มอยู่แล้ว เป็นต้น แต่เราก็มั่นใจว่าทำเลของเราเป็นทำเลที่ดีเยี่ยมและเหมาะสม การขนส่งสินค้าส่วนใหญ่ต้องใช้การขนส่งทางทะเล เรามีโลเคชั่นที่ใกล้ทะเลจึงเป็นจุดที่เรามั่นใจอย่างนึงได้เช่นกัน นอกจากนั้น รัฐบาลก็มีการลงทุนโรงกลั่นและโครงการอีกมากมายที่มาลงตรงนี้เพราะอยู่ใกล้กับทะเลและเมืองหลวงมากที่สุด ฉะนั้นเรื่องการแข่งขันผมไม่ได้กลัว คนลงทุนมีทุนมาอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เค้าจะเปรียบเทียบ คือ การบริการ การทำธุรกิจนิคมฯ ไม่ได้ขายเพียงที่ดิน เราขายการบริการ CEO ของเราให้ความสำคัญกับเรื่องการบริการมาเป็นอันดับ 1
Biz Focus : แนวคิดในเรื่องการบริหารบุคลากรให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันทำอย่างไร
คุณวิบูลย์ : ผมทำอย่างนี้ อะไรที่คุณทำไม่ได้หรือที่มันเกินขีดความสามารถของคุณเนี่ย คุณก็ปล่อยมันไปเลยจะไปแบกไว้ทำไม แล้วเวลาที่จะทำอะไรให้ใคร เราลำบากนิดนึง ไม่เป็นไร แต่ทำให้เค้าสบายขึ้น เราก็ไม่ถึงขั้นลำบากแล้วตาย ให้ลองทำดูก่อนว่าทำได้ไม่ได้ แต่อย่าบอกเลยว่าทำไม่ได้ ให้ลองทำก่อน ให้รู้จักการลำดับความสำคัญก่อนหลัง
Biz Focus : อยากให้ฝากข้อคิดถึงผู้ประกอบการ
คุณวิบูลย์ : เมืองไทยเป็นประเทศที่ผมเข้าใจว่าไม่ได้มีความรุนแรง ไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างที่เห็นในภาพ คนไทยจริงๆ ลึกๆ แล้วไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์อะไรกันขนาดนั้น เราค่อนข้างจะรักกันด้วยซ้ำ ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มันเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ เราต้องดำเนินชีวิตตามปกติของเราไป ไม่ต้องระแวดระวังอะไรมากมาย ตอนนี้ธุรกิจก็สามารถที่ดำเนินต่อไปได้ ไม่ได้ถึงขั้นว่าหยุดไปเสียทั้งหมดและเราควรมองว่าภาพเหล่านี้คือวิวัฒนาการของประชาธิปไตยของประเทศไทย