นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนลงทุนในปี 2556 ว่าบริษัทใช้งบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาทสำหรับการพัฒนาพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครและอมตะซิตี้ ระยองในด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ อาทิ ถนน น้ำ ไฟฟ้า โทรศัพท์ การกำจัดขยะ เป็นต้น

โดยแบ่งเป็นงบลงทุน 60% เพื่อพัฒนาที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จำนวน 1,500 – 1,600 ไร่ ส่วนงบลงทุนที่เหลืออีก 40% จะใช้สำหรับการพัฒนาพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง จำนวน 2,000 ไร่ ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มดำเนินการแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พื่อเพิ่มศักยภาพองค์กรและดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาใช้บริการมากยิ่งขึ้น

ด้านแผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทได้มีการปรับนโยบายจากการขายพื้นที่ให้แก่นักลงทุน 100% มาเป็นการให้เช่าพื้นที่แทน ซึ่งจะเป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานค่อนข้างจะถาวร อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ประกอบการรายใดที่บริษัทสัญญาว่าจะขายพื้นที่ให้บริษัทก็จะยังคงดำเนินการเช่นเดิม ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่จะพยายามเจรจาเพื่อให้เช่าพื้นที่เท่านั้น

สำหรับเหตุผลของการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานดังกล่าว เนื่องจากอัตราการเปลี่ยนแปลงของกำไรระหว่างการขายพื้นที่และการให้เช่าจะไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะบริษัทจะเก็บรายได้ครั้งเดียวถึงแม้ว่าลูกค้าจะมีสัญญาเช่ากี่ปีก็ตาม ประกอบกับสถานภาพทางการเงินของอมตะในปัจจุบันค่อนข้างมีความมั่นคงและหากกล่าวถึงอมตะซิตี้ ระยอง จะมีความแข็งแกร่งมาก โดยได้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความไว้วางใจเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง

“จากความเข้มแข็งทางการเงินของเราในปัจจุบัน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขายพื้นที่ให้แก่นักลงทุน ประกอบกับเมื่อเรามองไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น อินโดนีเซีย พบว่าเขาใช้ระบบให้เช่าพื้นที่ทั้งหมด ไม่ต้องไปพูดถึงประเทศที่ปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ ซึ่งนักลงทุนไม่มีสิทธิ์ซื้อพื้นที่อยู่แล้ว แต่ในอดีตเราใช้ระบบให้เช่าพื้นที่ไม่ได้ เพราะเรามีความจำเป็นต้องใช้เงินสำหรับการลงทุน แต่นับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา เรามีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการสะสมความแข็งแรงทางด้านการเงินของเรา และวันนี้ถึงเวลาที่เราต้องดำเนินนโยบายดังกล่าวเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่อมตะอย่างยั่งยืนในอนาคต” นายวิบูลย์กล่าว

นายวิบูลย์ กล่าวต่อถึงผลประกอบการในปี 2555  ที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามเป้าที่วางไว้  โดยปกติบริษัทจะตั้งเป้าผลประกอบการให้มีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มประมาณ 10- 20% ในทุกๆ ปี ส่วนในปีนี้เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงระบบจากการขายพื้นที่มาเป็นให้เช่า ดังนั้นจึงต้องหารือร่วมกันจากหลายฝ่ายอีกครั้งหนึ่งเพราะต้องสร้างความเข้าใจให้แก่ทีมงาน แต่ตนคาดว่าไม่น่าจะพลาดเป้าคือจะมีอัตราการเจริญเติบโตประมาณ 10-20%

ด้านแผนการดำเนินในระยะยาว 5  ปี (2556-2560) บริษัทตั้งเป้าให้มีโรงงานให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะประมาณ 1,500 – 2,000 โรงงาน สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นไปตามคาดการณ์ไว้คือศักยภาพของประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่น ซึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องภัยธรรมชาติค่อนข้างสูงมาก และนักลงทุนจีนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ได้หลั่งไหลเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

“ตนมองว่าประเทศไทยเป็นฐานที่ดีในด้านการลงทุนสำหรับชาวต่างชาติ จึงได้มีการตั้งเป้าดังกล่าว โดยนำองค์ประกอบต่างๆ มาพิจารณา ดังนี้ 1. ประเทศไทยเป็นฮับรถยนต์ และรถยนต์หนึ่งคันจะประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆ กว่า 7,000 ชิ้น 2. ประเทศไทยป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก 3. ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีส่วนเสริมในด้านการผลิตเคมีภัณฑ์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงโลเคชั่นที่ดีของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ที่สามารถเดินทางสะดวกเอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจได้เป็นอย่างดี อาทิ ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 40 กิโลเมตรหรือใช้ระยะเวลาขับรถเพียงครึ่งชั่วโมง เป็นต้น และเมื่อนำสิ่งเหล่านี้มาประมวลผลจึงคาดว่าเป้าหมายดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ” นายวิบูลย์กล่าว