May 06, 2024

มิ้นท์ ออโตโมบิล พาร์ท รับบีโอไอหนุน

มิ้นท์ ออโตโมบิล พาร์ท รับบีโอไอหนุน เดินหน้าสร้างโรงงาน มูลค่า 3,300 ลบ.

บีโอไอไฟเขียว มิ้นท์ ออโตโมบิล พาร์ท เร่งสร้างโรงงาน โดยมีพื้นรวม 208,800 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 3,300 ลบ. เผยปัจจุบันอยู่ระหว่างสร้างอาคาร A พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มิ.ย. นี้

ดร.พิษณุ วรรณกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิ้นท์ ออโตโมบิล พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ซึ่งลงทุนโดยมินท์กรุ๊ป 100% ว่า โรงงานดังกล่าวมีพื้นที่ทั้งหมด 208,800 ตารางเมตร หรือ 130 ไร่ ประกอบด้วย 5 เฟส ได้แก่อาคาร  A,B,C,D,E  และออฟฟิศ 1 อาคาร รวมทั้งอาคารบริษัท มิ้นท์ ดีเวลล็อปเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด มีมูลค่าการลงทุนรวม  3,300 ล้านบาท และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ โดยได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีนิติบุคคล 8 ปีและได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร

ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโรงงานอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายนนี้ ปัจจุบันการดำเนินการอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอาคาร A คาดจะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคมนี้หลังจากนั้นบริษัทจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคาร B ต่อเนื่องทันที คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีหรือจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2557

“โรงงานแห่งนี้จะตั้งอยู่ห่างจากโรงเดิม (บริษัท มิ้นท์ อาปิโก (ประเทศไทย) จำกัด ประมาณ 3 กิโลเมตร อาคาร A และ B จะดำเนินธุรกิจเหมือนกันคือการฉีดพลาสติกขึ้นรูปและบริการชุบโครเมี่ยม โดยอาคาร A จะประกอบด้วยไลน์ชุบโครเมี่ยม 2 ไลน์ ส่วนอาคาร C,D,E จะก่อสร้างเพื่อรองรับแผนงานในอนาคตของบริษัท ให้มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น” ดร.พิษณุกล่าว

สำหรับวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างโรงงานดังกล่าวเนื่องจากบริษัทแม่คือ มิ้นท์ กรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศจีนเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการลงทุน โดยตลาดยังมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และหากมาลงทุนช้าอาจทำให้เสียโอกาสในด้านการแข่งขันได้ รวมทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมของบริษัทเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 โดยจะให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำหรับการส่งออกในภูมิภาคอาเซียน เพราะประเทศไทยมีศักกยภาพทางด้านพันธมิตรที่แข็งแกร่ง

ส่วนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับหลังจากโรงงานก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วและเปิดดำเนินการในปีนี้  บริษัทคาดว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดออโตโมทีฟเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีหรือมียอดขายประมาณ 600 ล้านบาทในปี 2560 นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้แก่บริษัท โดยเฉพาะในด้านโลจิสติกส์ซึ่งสามารถลดคอร์ทในการขนส่งได้เป็นอย่างมาก เพราะโรงงานตั้งอยู่ไม่ห่างจากบริษัทลูกค้า โดยตั้งอยู่ห่างจากนิสสันเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่งและห่างจากจีเอ็ม 15 กิโลเมตร

ดร.พิษณุกล่าวต่อถึงภาพรวมการแข่งขันทางธุรกิจว่า ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง เนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายรายประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับบริษัท เนื่องจากในปี 2554 ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายจังหวัดซึ่งรวมทั้งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้โรงงานจำนวนมากต้องปิดกิจการและไม่สามารถผลิตสินค้าป้อนให้แก่ลูกค้าได้ ดังนั้นผู้ประกอบการหลายรายได้ย้ายฐานการผลิตมายังจังหวัดระยอง

อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะบริษัทมีลูกค้าประจำและลูกค้าหลัก อย่างเช่น ฟอร์ด จีเอ็ม นิสสัน ให้ความไว้วางใจด้วยดีเสมอมา ประกอบกับบริษัทแม่ให้การสนับสนุนบริษัท โดยได้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากประเทศจีน เช่น การฉีดพลาสติกขึ้นรูป การพ่นสี มาผลิตในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นการเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันให้แก่บริษัทเป็นอย่างดี เนื่องจากในระยะแรกของการผลิตของโรงงานใหม่จะมีโปรดักส์ผลิตน้อย แต่ในอนาคตบริษัทคาดว่าการแข่งขันจะยากมากยิ่งขึ้น เพราะแต่ละบริษัทต่างก็มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่นการออกแบบผลิตภัณฑ์ ระบบการบริหารและการจัดการ  เป็นต้น

ด้านจุดเด่นของบริษัทที่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่นได้แก่ 1. มิ้นท์ กรุ๊ป เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจออโตโมทีฟขนาดใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศจีน 2. บริษัทมีดีไซน์ เซ็นเตอร์ที่สนับสนุนธุรกิจในหลายประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี เพื่อรองรับธุรกิจของมิ้นท์ กรุ๊ป  3. บริษัทมีทีมงานดีไซน์ที่แข็งแกร่ง 4. บริษัทมีโรงงานผลิตที่มีต้นทุนต่ำซึ่งสามารถแข่งขันในตลาดได้เป็นอย่างดี 5.บ ริษัทมีเงินทุนจำนวนมากในการดำเนินธุรกิจ

ดร.พิษณุ กล่าวต่อถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์คาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะยังคงมีทิศทางสดใสและมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และย่อมส่งผลดีต่อบริษัทอย่างแน่นอน โดยจะทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อาจทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งจะทำให้อำนาจการตัดสินใจของลูกค้าอยู่ในประเทศไทย

นอกจากนี้ลูกค้าที่บริษัทจะดิวด้วยจะเป็นโกลบอล โปรเจค ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกได้ โดยแค่เพียงดิวกับลูกค้าที่เดียว ยกตัวอย่างเช่น บริษัทดิวกับลูกค้าที่ญี่ปุ่นและผลิตสินค้าที่ประเทศไทย แต่สามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศเม็กซิโกหรือจีน เป็นต้น

ส่วนสิ่งที่อยากจะฝากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนคือการปรับปรุงในด้านโลจิสติกส์ เนื่องจากปัจจุบันถนนในนิคมอุตสาหกรรมไม่ค่อยดี และอยากให้ปรับปรุงในเรื่องโลจิสติกส์ ซัพพลายเชน โดยขณะนี้ยังมีช่องทางในการดำเนินการน้อยและต้องใช้เวลาในการดำเนินการนาน รวมทั้งอยากให้ภาครัฐดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ ทั้งนี้หากภาครัฐสามารถดำเนินการเพิ่มทักษะของแรงงานและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในภาคการผลิต คาดว่าจะทำให้มีนักลงทุนจากประเทศจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Sunday, 17 July 2022 11:10
BizFocus

Selfies labore, leggings cupidatat sunt taxidermy umami fanny pack typewriter hoodie art party voluptate. Listicle meditation paleo, drinking vinegar sint direct trade.

www.themewinter.com

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.

Page Visitor

010686327
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
3159
5608
8767
33043
147900
10686327
Your IP: 18.119.111.9
2024-05-06 14:47
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.