คุณสมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงแผนการลงทุนในปี 2556 – 2558 ว่าบริษัทใช้งบในการดำเนินการประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับการเพิ่มกำลังการผลิตรองรับการขยายตัวของสินค้าในหมวดของกลุ่มถั่วเหลือง ได้แก่ ซีอิ๊วขาวและ เต้าเจี้ยว รวมทั้งการนำเข้าเครื่องจักรใหม่จากต่างประเทศเพื่อทดแทนเครื่องจักรเดิมที่เริ่มเสื่อมสภาพ และเป็นการขยายกำลังการผลิต  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตอย่างต่อเนื่อง 

“เหตุผลของการนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศ เพราะบริษัทต้องการให้มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนการนำเข้าเครื่องจักร 40% ส่วนที่เหลืออีก 60% จะใช้เครื่องจักรภายในประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตประมาณ 3 ล้านขวด/เดือน ซึ่งในอนาคตจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มให้ได้ประมาณ 4.5 ล้านขวด/เดือน โดยเฉลี่ยเพิ่มกำลังการผลิตอีกประมาณ 50% จากเดิม” คุณสมหวังกล่าว

คุณสมหวัง กล่าวต่อว่าเป้าผลประกอบการในปี 2555 บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2,800 ล้านบาท และเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเติบโตจากปี 2554 ที่ผ่านมาประมาณ 13% สำหรับในปี 2556 ตั้งเป้าผลประกอบการไว้ที่ 3,300 ล้านบาทและต้องเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทมีกลยุทธ์ที่จะนำพาไปสู่เป้าหมายที่วางไว้หลายอย่าง อาทิ กลยุทธ์ในด้านช่องทางการจัดจำหน่าย โดยจะมีการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น และพยายามเพิ่มทีมขายที่จะสามารถเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้นในตลาดต่างจังหวัด และตลาดที่บริษัทยังเข้าไม่ถึง รวมทั้งบริษัทจะมีสินค้าที่จะออกใหม่สู่ตลาดในปี 2556 นี้ด้วย เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท

สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามายาวนาน คุณสมหวังกล่าวว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทอยู่เคียงคู่คนไทยมากว่า 60 ปี และเป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดจากประเทศไทยรวมทั้งเป็นแบรนด์ของคนไทย 100%  ปัจจุบันผู้ถือหุ้นก็เป็นคนไทย 100% โดยแบรนด์ของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครองตลาดอันดับ 1 ของตลาดซอสในประเทศไทย ทั้งนี้การดำเนินการของบริษัทในปัจจุบันนอกจากการจำหน่ายในประเทศแล้ว ยังมีเป้าหมายที่พยายามจะผลักดันสินค้าให้ไปสู่ตลาดต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านหรือยุโรป

“ทุกครั้งที่ผมคุยกับทางทีมขายไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศจะมีสิ่งหนึ่งที่ผมเน้นย้ำเสมอนั้นคือ อยากให้ทีมขายมีความภาคภูมิใจที่สินค้าแบรนด์ตราเด็กสมบูรณ์ ไปยืนในตลาดต่างประเทศและถ้าไปขายในประเทศใดได้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยไม่ใช่เพียงแค่เรา แต่เป็นความภาคภูมิใจของทุกคนในประเทศไทยด้วย ที่ได้ไปเห็นสินค้าของคนไทยไปตีตลาดในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมากที่สินค้าตราเด็กสมบูรณ์ ได้ไปวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในประเทศอังกฤษ และอีกหลายประเทศในยุโรปซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สินค้าไทย ได้วางจำหน่ายออกสู่ตลาดให้กับคนท้องถิ่นในต่างประเทศ” คุณสมหวังกล่าว

คุณสมหวัง กล่าวต่อว่าในส่วนของการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ว่าบริษัทมีการเตรียมความพร้อมนานแล้ว ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายในหลายประเทศ และได้มีการขยายตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น อาทิ ลาว กัมพูชา เวียดนาม  สิงคโปร์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเน้นด้านเอกลักษณ์ รสชาติและคุณภาพสินค้าไว้ให้ดีเหมือนเดิมและจะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแรงและตีตลาดได้ทั่วโลก สำหรับการเข้ามาของ AEC ตนมองว่าส่งผลดีในด้านการพัฒนาทางด้านฝีมือแรงงานวิชาชีพด้านต่างๆ และสามารถที่จะขยายตลาดไปได้อีกในวงกว้าง

ส่วนสิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนและส่งเสริม จะเป็นในด้านการผ่อนปรนในเรื่องการควบคุมราคาสินค้าควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของการตลาด ซึ่งปัจจุบันนี้ผู้บริโภคมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสินค้ามากขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภคบางอย่างถ้าไปกำหนดราคาขายจะเป็นการบีบให้ผู้ประกอบการไปลดทั้งปริมาณ คุณภาพ และต้นทุน ซึ่งแทนที่ผู้บริโภคจะได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้นแต่กลับกลายเป็นว่า ต้องถูกกำหนดในเรื่องราคาที่ไม่สามารถเอื้อประโยชน์ได้ซึ่งกลไกตรงนี้น่าจะปล่อยเสรี รวมทั้งต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมสินค้าไทยอย่างจริงจัง โดยการสั่งซื้อสินค้าของคนไทยมาใช้ในหน่วยงานเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในด้านมาตรฐานสินค้าไทย ในการแข่งขันกับต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น

คุณสมหวัง กล่าวในตอนท้ายถึงสิ่งที่อยากฝากถึงลูกค้าว่า แบรนด์เด็กสมบรูณ์เป็นแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมานานและบริษัทพยายามที่จะนำเสนอสินค้าใหม่ๆ เพื่อให้คนไทยได้มีโอกาสเปิดประสบการณ์ในการทำอาหารโดยไม่ต้องวุ่นวายเหมือนเช่นอดีต ดังนั้นจึงอยากแนะนำแบรนด์ใหม่นั้นคือ I-Chef ซอสปรุงสำเร็จ โดยเริ่มเปิดตัวแบรนด์นี้มาตั้งแต่ปี 2553 จึงอยากให้ผู้บริโภคช่วยให้การสนับสนุนแบรนด์ I-Chef ซึ่งเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่บริษัทพยายามผลักดันและพยายามให้มีความหลากหลาย และในขณะเดียวกันบริษัทได้มีการเปิดศูนย์ Call Center ซึ่งจะเขียนบอกไว้ในผลิตภัณฑ์ ถ้าลูกค้ามีข้อสงสัยหรือมีสิ่งที่ต้องการให้บริษัทปรับปรุงสิ่งใด บริษัทเปิดกว้างพร้อมรับฟังทุกข้อคิดเห็น