คุณแคทลียา พิรุณเกียรติ ผู้จัดการฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด บริษัท วันเดอร์เวิร์ล โปรดัคส์ จํากัด กล่าวว่าบริษัทดำเนินธุรกิจผลิตของเล่นเด็กมาเป็นเวลายาวนานถึง 27 ปี โดยเน้นส่งออกเป็นหลักและตลาดหลักจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและประเทศในแถบทวีปยุโรป สำหรับของเล่นที่เป็นจุดเด่นของวันเดอร์เวิร์ลคือของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กและมีคุณภาพ

โดยบริษัทจะจัดกลุ่มตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงก่อนวัยเข้า สำหรับจุดเด่นของของเล่นไม้ก็คือ 1. ส่งเสริมพัฒนาการและเป็นประโยชน์สำหรับเด็ก 2. วัสดุทำมาจากไม้ซึ่งเป็นวัสดุที่มีคุณภาพปลอดภัยเหมาะสำหรับเด็ก โรงเรียน ซึ่งจะเป็นจุดที่สามารถจูงใจให้ผู้ปกครองสนใจมาซื้อผลิตภัณฑ์ของวันเดอร์เวิร์ล

“ของเล่นที่ทำมาจากไม้ วันเดอร์เวิร์ลเลือกใช้ไม้ที่หมดสภาพแล้วเท่านั้น ทำให้ไม่ต้องโค่นต้นไม้ใหญ่เพื่อนำมาใช้ในการผลิต ช่วยลดปริมาณการตัดต้นไม้เพื่อแปรรูป ถือว่าใช้ผลผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือตามวัฏจักรชีวิต โดยนำต้นยางพาราที่แก่จัดจนไม่สามารถให้น้ำยางออกมาได้อีกแล้ว มาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์และของเล่นเด็ก ทำให้ต้นยางไม่ต้องถูกตัดทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ ผลิตภัณฑ์ของเรานอกจากจะกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของเด็กๆ แล้ว ยังช่วยปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม เช่น บ้านตุ๊กตา “Eco House” จะถูกออกแบบมาให้เด็กๆ รู้จักการอนุรักษ์พลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม” คุณแคทลียากล่าว

คุณแคทลียา กล่าวว่าการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเชียนหรือ AEC บริษัทจะได้รับผลประโยชน์ในด้านการขยายฐานการผลิตในแถบประเทศเพื่อนบ้านได้ ซึ่งบริษัทได้เลือกประเทศเวียดนามเพราะที่ประเทศเวียดนามมีแหล่งไม้ยางที่ค่อนข้างสมบูรณ์และค่าแรงถูก โดยบริษัทได้นำวิศวกรหรือทีมเทคนิคเชี่ยนของบริษัทไปสร้างระบบและควบคุมงาน

สำหรับสาเหตุที่บริษัทได้เลือกไม้ยางมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ของเล่นของบริษัทนั้น เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งปลูกต้นยางในอุตสาหกรรมยางพาราและเป็นไม้อุตสาหกรรมและที่สำคัญ เป็นไม้ที่ได้รับการยอมรับในแถบยุโรปที่ได้รับการหมุนเวียนหรือรีไซเคิลในอุตสาหกรรมไม้ยาง

“เราได้เข้าไปทำการลงทุนที่ประเทศเวียดนาม โดยการหาพาร์ทเนอร์เพื่อทำการผลิตผลิตภัณฑ์ของเล่นตามดีไซน์และภายใต้แบรนด์ของวันเดอร์เวิร์ล นอกจากนี้เรายังได้ทำการเปิดตลาดขายของเล่นของวันเดอร์เวิร์ลในประเทศเวียดนามด้วย เพราะว่าของเล่นไม้สามารถขายได้ตั้งแต่คนในกลุ่มระดับกลาง ซึ่งประชากรระดับกลางในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้นทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นตามลำดับ” คุณแคทลียากล่าว

ส่วนสาเหตุที่บริษัทได้เข้าไปทำการลงทุนที่ประเทศเวียดนามคือ 1. เรื่องของประชาคมเศรษฐกิจอาเชียนหรือ AEC ซึ่งทำให้ไม่มีภาษีต่อกัน 2. ระยะทางระหว่างประเทศไทยกับประเทศเวียดนามไม่ไกลกันมาก โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมง 3. ค่าแรงในประเทศเวียดนามมีราคาถูกกว่าประเทศไทย  4. วัฒนธรรมระหว่างประเทศไทยกับประเทศเวียดนามมีความคล้ายคลึงกัน เช่น การกินอยู่ ภาษา เป็นต้น ทำให้การปรับตัวในด้านความเป็นอยู่ค่อนข้างง่าย

คุณแคทลียา กล่าวต่อถึงสัดส่วนการตลาดของบริษัทว่า แบ่งออกเป็นการส่งออกไปยังต่างประเทศ 90% และจำหน่ายในประเทศเพียง 10% ทั้งนี้บริษัทได้ดำเนินธุรกิจมายาวนานแต่ได้บุกตลาดในประเทศแค่เพียง 6 ปี และจากการที่บริษัทได้ทำการวางแผนทางการตลาด และจัดหาช่องทางในการจัดจำหน่ายในประเทศนั้นได้รับผลตอบรับจากตลาดในประเทศดีมาก ซึ่งคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกต่างประเทศและจำหน่ายในประเทศนั้น บริษัทใช้ระบบในการผลิตในมาตรฐานเดียวกันซึ่งในแต่ล่ะประเทศจะมีมาตรฐานของประเทศนั้นๆ แต่ของเล่นของวันเดอร์เวิร์ล 1 ชิ้น จะต้องผ่านในมาตรฐานของทุกๆ ประเทศ

สำหรับนโยบายการปรับค่าแรงเป็น 300 บาท/วันทั่วประเทศ ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบเพราะบริษัทเป็นผู้ผลิตของเล่นไม้ซึ่งจะใช้แรงงานคนเป็นส่วนมาก ถึงแม้ว่าจะมีการนำเครื่องจักรมาใช้ก็สามารถทดแทนได้บางส่วน ประกอบกับในขณะที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น แต่บริษัทปรับขึ้นราคาลูกค้าได้ไม่เท่าที่ต้นทุนที่เพิ่มเพราะเป็นบริษัทผู้ส่งออก ซึ่งถ้ามีการเพิ่มราคาให้สูงขึ้นจะทำให้ผู้บริโภคต้องพิจาณาในการจับจ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในฝั่งแถบยุโรป

คุณแคทลียา กล่าวถึงสิ่งทีอยากฝากไปยังผู้บริโภคว่าอยากให้ผู้บริโภคใส่ใจในการซื้อของเล่นให้กับบุตรหลาน เพราะว่าของเล่นเป็นมากกว่าเครื่องมือในการสร้างความสนุกสนาน แต่เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนให้ความรู้แก่เด็กๆ และอยากให้ผู้ปกครองให้เวลาแก่การเลือกของเล่นและเลือกของเล่นที่ดีและมีประโยชน์เพราะจะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อะไรผ่านการเล่น สำหรับของเล่นที่ดีจะสามารถช่วยส่งเสริมการเรียนรู้และเสริมพัฒนาการของเด็กๆ และของเล่นของวันเดอร์เวิร์ลเป็นของเล่นที่เชื่อมการเรียนและความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับผู้ปกครอง