นายอะมอก กุมาร ชาร์มา กรรมการผู้จัดการ บริษัท อูช่า สยาม สตีล อินดัสตรียส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทได้ร่วมทุนกับ Tesac Wirerope Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตลวดสลิงชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตลวดสลิงแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จังหวัดปทุมธานี ภายใต้ชื่อ Tesac Usha Wirerope Co., Ltd. โดยได้เซ็นสัญญาร่วมทุนเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา มีสัดส่วนการถือหุ้น 50:50 มูลค่าลงทุนรวม 500 ล้านบาท

ส่วนเหตุผลของการร่วมลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทได้มีความร่วมมือกับ Tesac Wirerope Co., Ltd. ในด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเสมอมา นอกจากนี้ Tesac Wirerope Co., Ltd. ยังนับเป็นบริษัทผู้ผลิตลวดสลิงที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยมีเทคโนโลยีด้านการผลิตที่ทันสมัยและคุณภาพเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ซึ่งจะสามารถพัฒนาต่อยอดการผลิตของบริษัทได้เป็นอย่างดีในอนาคต

ส่วน Tesac Wirerope Co.,Ltd. ซึ่งประสบปัญหาในเรื่องของต้นทุนการผลิต ค่าจ้างแรงงาน ประกอบกับที่ผ่านมาญี่ปุ่นประสบปัญหาในด้านพลังงาน เนื่องจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อต้นปี 2554 อีกทั้งค่าแรงในประเทศไทยยังถูกกว่าญี่ปุ่น ดังนั้นจึงมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพในด้านการลงทุน จึงเสนอให้บริษัทเป็นพันธมิตรในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน

โรงงานดังกล่าวมีพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ตั้งอยู่ติดบริเวณโรงงานเดิม มีกำลังการผลิตรวม 1,000 ตัน/เดือน ประกอบด้วย 4 เฟส โดยเฟส 1,2 และ 3 จะผลิตลวดสลิงเพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมลิฟต์โดยสารและลิฟต์ขนส่ง โดยมีกำลังการผลิตเท่ากันทุกเฟส ซึ่งจะอยู่ที่ 200 ตัน/เดือน ส่วนเฟส 4 จะผลิตโปรดักท์ 3 ชนิด ได้แก่ลวดสลิงเครน ลวดสลิงประมง และลวดสลิงสำหรับใช้ในงานวิศวกรรมทั่วไป โดยมีกำลังการผลิตรวม 400 ตัน/เดือน

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างเฟสแรก คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในอีก 18 เดือนนับจากนี้ไปหรือราวกลางปี 2557 ส่วนเฟสอื่น ๆ จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างใกล้เคียงกับเฟสแรกหรือประมาณปีกว่า โดยทั้ง 4 เฟสจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ภายใน 5 ปี ทั้งนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการก่อสร้างเฟสแรก เนื่องจากเป็นฐานของการเริ่มต้น

สำหรับเครื่องจักรที่นำมาติดตั้งใน โรงแห่งนี้จะเป็นเครื่องจักรใหม่ทุก ตัวและนำเข้ามาจาก Tesac Wirerope Co., Ltd .ทั้งหมด ส่วนวัตถุดิบจะซื้อจากต่างประเทศ หากวัตถุดิบบางอย่างขาดก็จะซื้อจากอูช่า  สยาม สตีล ทั้งนี้อูช่าจะได้รับประโยชน์สองทางจากการจำหน่ายวัตถุดิบและการส่งสินค้า กลับไปขายที่ญี่ปุ่น โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่ผลิตได้จะป้อนให้กับญี่ปุ่น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าของ Tesac ได้แก่บริษัทฯ ลิฟต์ชั้นนำของโลก อาทิ โตชิบา มิตซูบิชิ ฮิตาชิ เป็นต้น

นอกจากนี้โรงงานแห่งใหม่ยังได้รับ การส่งเสริมการลงทุนจาก BOI โดยได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคลเป็นเวลา 8 ปี ซึ่งแต่เดิม BOI จะให้สิทธิเพียง 3 ปี แต่บริษัทได้ลงทะเบียนก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ที่ผ่าน จึงได้รับการยกเว้นในระยะเวลาดังกล่าว  รวมทั้งได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบเป็นเวลา 3 ปี และยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร ส่วนกระแสการตอบรับเมื่อก่อสร้างโรงงานใหม่เสร็จแล้ว ในช่วงปีแรกบริษัทไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่จะไปคาดหวังในปีที่ 2 เนื่องจากตลาดประเทศญี่ปุ่นต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูงจึงต้องวางระบบการ ผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดญี่ปุ่น

นายอะมอก กุมาร ชาร์มากล่าวต่อว่า Usha Siam เป็นบริษัทในกลุ่ม Usha Martin Group ผู้ผลิตลวดและเชือกลวดเหล็กกล้าชั้นนำของโลก โดย Usha Siam ก่อตั้งในประเทศไทยมายาวนานถึง 32 ปี และเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตลวดเหล็ก ลวดอุตสาหกรรม สายเคเบิลควบคุมกลไก และเชือกลวดเหล็กกล้าครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีกำลังการผลิตปีละ 38,400 ตัน มีรายได้ 1.6 พันล้านบาท/ปี ทั้งนี้จากการที่ได้ร่วมทุนกับ Tesac Wirerope Co., Ltd. คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะเพิ่มอีกประมาณเกือบเท่าตัวหรือ 3 พันล้านบาท/ ปี ปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 500 คนและมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทในเครือและผู้ แทนจำหน่ายอื่นๆ ทั่วโลก

“ที่ผ่านมากว่า 3 ทศวรรษ สินค้าของเราได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างดี โดยลูกค้าเชื่อมั่นในคุณภาพ การจัดส่งสินค้าที่ตรงต่อเวลาและการบริการ รวมทั้งเราได้รับการรับรองมาตรฐานต่างๆ ที่สร้างความเชื่อมมั่นให้แก่ลูกค้า อาทิ  ISO - 9001 ซึ่งได้รับการรับรองจาก Lloyds Register, Japanese Industrial Standards for JIS G 3525, American Petrolium Institute - API spec Q1 & 9A licence, American Bureau of Shipping (ABS) and Det Norske Veritas (DNV). เป็นต้น” นายอะมอก กุมาร ชาร์มากล่าว

ด้านการ เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ  AEC ในปี 2558 นายอะมอก กุมาร ชาร์มากล่าวว่านับเป็นส่วนหนึ่งของ Usha Martin Group อยู่แล้ว โดยมีโรงงานผลิตทั่วโลก ทั้งอินเดีย ไทย ดูไบ อังกฤษ ส่วน Sale Office  Network จะมีที่เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังมีแผนโฟกัสไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ลาว พม่า เขมร เพื่อขยายฐานตลาดให้ใหญ่กว่าเดิม ทั้งนี้บริษัทไม่ได้หวั่นเกรงที่จะเข้าสู่ AEC แต่มองว่าเป็นโอกาสที่จะขยายธุรกิจเพิ่มเติมในภูมิภาคนี้มากกว่า