นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการบริหาร บริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในโอกาสได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมประจำปี 2555 ว่านับเป็นความภาคภูมิใจขององค์กรเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นรางวัลของภาคอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดและมีรางวัล เดียว โดยบริษัทได้ส่งเข้าประกวดรางวัลเป็นครั้งแรกและประสบความสำเร็จได้รับ รางวัลดังกล่าว

นอกจากนี้ที่ผ่านมาบริษัทยังได้รับรางวัลต่างๆ มากมายทั้งในและต่างประเทศ อาทิ รางวัลผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น ประจำปี 2554 รางวัล Top Ten Thailand Most Innovative Companies 2010  รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2553 เป็นต้น

“รางวัลที่ได้รับใน ครั้งนี้นับเป็นสุดยอดรางวัลในด้านอุตสาหกรรม ส่งผลดีต่อองค์กรและส่งผลดีโดยตรงต่อบุคลากร ซึ่งบุคลากรของเรามีการสร้างนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในการประกวดรางวัล เราต้องแข่งขันกับบริษัทรายใหญ่หลายบริษัท อย่างเช่น โตโยต้า เอสซีจี ซีพี รางวัลนี้เปรียบเสมือนการตอกย้ำให้พนักงานรู้ว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง” นายอนุสรณ์กล่าว

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่าจุดเริ่มต้นการดำเนินธุรกิจของ เดลต้าจะเน้นในต่าง ประเทศเป็นหลัก อาทิ ยุโรป สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ในระยะแรกจะไม่เน้นทำตลาดในเมืองไทยเพราะมีปัจจัยหลายอย่าง และเมื่อประสบความสำเร็จตลาดในต่างประเทศแล้ว เดลต้าจึงหันมาเน้นทำตลาดในไทย โดยการพัฒนานวัตกรรมในรูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้เป็นโปรดักส์ของวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้บุคลากรหรือทีมงานของเดลต้าจะถูกฝึกมาให้เป็นที่ 1 ของโลก ปัจจุบันเดลต้ามีพนักงานในไทยกว่า 10,000 คนและพนักงานทั่วโลกประมาณ 17,000 คน

ส่วน เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันเดลต้านับเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในธุรกิจเทเลคอม โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในยุโรปเป็นอย่าง มาก และในปีที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์   ดังนั้นเป้าหมายในอนาคตจึงต้องการเป็นเบอร์หนึ่งในด้านอื่นๆ โดยจะเข้ามาทำตลาดในภูมิภาคอาเซียนอย่างจริงจัง อย่างเช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น

โดยสินค้าหลักที่จะนำมาทำตลาดในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ SOLAR SYSTEM, POWER MANAGEMENT เป็นต้น ทั้งนี้กระแสตอบจากลูกค้าคาดว่าจะดี เพราะปัจจุบันอาเซียนได้รับการโปรโมตเป็นอย่างมากสำหรับเข้าสู่การเปิด ประชาคมเศรษฐกิจในปี 2558 และผลิตภัณฑ์ของเดลต้านับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้า ของอาเซียนมากยิ่งขึ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อถึงเป้าหมายการเติบโตในปี 2556 ว่าจะไม่เน้นการเติบโตแบบหวือหวาแต่จะเน้นเติบโตแบบมั่นคงและจะเน้นกำไร มากกว่ายอดขาย โดยจะมีผลกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 25 % ทุกๆ ปี ส่วนในปี 2555 ที่ผ่านมาเดลต้ามีกำไรกว่า 4,000 ล้านบาทและในปีนี้คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นจากปี 2555 อย่างแน่นอน

ด้าน การแข่งขัน คู่แข่งของบริษัทคือบริษัทในยุโรป อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้มีความวิตกกังวล เนื่องจากบริษัทมีศูนย์วิจัยและพัฒนาสินค้าที่มีศักยภาพ นอกจากนี้สถานที่ตั้งในประเทศไทยนับว่าเป็นทำเลที่ดีมาก ประกอบกับบริษัทมีความได้เปรียบในเรื่องของค่าจ้างแรงงานในระดับทักษะซึ่งจะ ถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอังกฤษ ญี่ปุ่นหรือเกาหลี โดยปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เดลต้าสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีศักยภาพ เป็นอย่างดu

ส่วนสิ่งที่อยากจะฝากถึงภาครัฐคืออยากให้ภาครัฐลดขั้นตอนในการพิจารณาพิธีการต่างๆ ซึ่งจะใช้เวลาในการดำเนินการค่อนข้างนาน ทำให้ผู้ประกอบการเสียโอกาสในการแข่งขันและสูญเสียรายได้เป็นจำนวนมากเพราะ ไม่สามารถส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ไม่อยากให้ภาครัฐคอยจับผิดในกรณีเล็กๆ น้อย เนื่องจากบางครั้งผู้ประกอบการมีความจำเป็นจริงที่ต้องทำเช่นนั้นและพร้อม ที่จะยอมเสียค่าปรับ โดยไม่มีการหลีกเลี่ยงแต่อย่างใด

“ที่ผ่านมานับ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่ภาครัฐเน้นและให้ความช่วย เหลือภาคการเกษตร โดยเน้นไปทางรากหญ้ามากกว่าด้านอุตสาหกรรม แต่เราในฐานะผู้ประกอบการรายใหญ่อยากจะเสนอให้รัฐบาลเลิกการจับผิดเล็กๆน้อย และทำให้มีระบบให้ดีและรวดเร็ว ใช้เวลาน้อยกว่านี้ ไม่ต้องจับผิดกับภาคอุตสาหกรรม เลิกเล่นแง่ เราทำธุรกิจแบบถูกต้องถึงเราจะผิดแต่เราก็พร้อมจะยอมเสียค่าปรับ แต่ขั้นตอนที่เสียแล้วกว่าจะผ่านไปได้แต่ละด่านแต่ละด่าน ทำให้เราเสียเวลาแล้วก็เสียลูกค้า เสียโอกาสทางการค้าเพราะทำให้ส่งสินค้าไม่ตรงเวลา” นายอนุสรณ์กล่าว

อนึ่ง เดลต้า ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตชั้นนำของโลกด้านผลิตภัณฑ์เพาเวอร์ซัพพลายและอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ประเภท พัดลมระบายความร้อน (Cooling Fan) อีเอ็มไอ ฟิลเตอร์ (EMI filter) และโซลินอยด์ โดยสายผลิตภัณฑ์หลักด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้าของบริษัทฯ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สวิตช์ชิ่งเพาเวอร์ซัพพลาย อุปกรณ์ปรับระดับแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง (DC-DC converter) และโซลาร์อินเวอร์เตอร์ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ยังสามารถนำไปใช้งานกับอุตสาหกรรมอื่นได้อย่างกว้างขวาง เช่น นำไปใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ ระบบโทรคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ อุปกรณ์ในภาคอุตสาหกรรม และอื่นๆ

เดลต้า ประเทศไทย เปิดดำเนินการเมื่อปี 2533 และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2538 ภายใต้หลักทรัพย์ชื่อ “DELTA” ปัจจุบันมีโรงงานผลิตในประเทศไทยจำนวนสองแห่ง ได้แก่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการและนิคมอุตสาหกรรมเวลโกร์ว จ.ฉะเชิงเทรา และยังมีโรงงานในต่างประเทศ คือ ประเทศสโลวาเกียและอินเดีย พร้อมทั้งได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์รวม 9 แห่งใน 8 ประเทศ ได้แก่ ในประเทศเยอรมัน สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ โรมาเนีย อินเดีย จีนและประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมีประสิทธิภาพ และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น