วี สุขุมวิทปลื้ม “เอช สุขุมวิท 43” แรงต่อเนื่อง
วี สุขุมวิทฟุ้งโปรเจคเอช สุขุมวิท43 กระแสตอบรับดีเยี่ยม คาดสามารถปิดการขาย 100% ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ ชูจุดเด่นเข้า-ออกได้ 3 เส้นทาง สิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้านเท่านั้น แย้มโปรเจคใหม่ เล็งเปิดตัวในย่านทำเลเดิมปลายปีหน้า
คุณกฤษฎา เพ่งวรรธนะ รองประธาน บริษัท วี สุขุมวิท 43 ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการเอช สุขุมวิท 43 เปิดเผยว่าโครงการดังกล่าวมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยเป็นคอนโดมิเนียมขนาดความสูง 31 ชั้น จำนวน 290 ยูนิต ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 43 บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่กลางปี 2556 ที่ผ่านมา คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้และพร้อมโอนกรรมสิทธ์ให้แก่ลูกค้าประมาณไตรมาสแรกปีหน้า
ปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้าในภาพรวมประมาณ 50-60% โดยงานโครงสร้างได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว สำหรับงานที่เหลืออีก 40% จะอยู่ในส่วนของสถาปัตย์และการตกแต่งภายใน อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความมั่นใจว่าการก่อสร้างจะเสร็จทันตามกำหนดที่วางไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากในขณะนี้ งานตกแต่งภายในได้ดำเนินการในชั้นที่ 9 แล้ว ส่วนกลุ่มเป้าหมายของโครงการคือลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติในสัดส่วน 60 : 40
ด้านแผนประชาสัมพันธ์โครงการ บริษัทได้ใช้งบประมาณหลายสิบล้านบาทผ่านสื่อต่างๆ ทั้ง Above the line และ Below the line อาทิ หนังสือพิมพ์ แมกกาซีน บิลบอร์ด วิทยุ เป็นต้น ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโครงการเป็นต้นมา โดยผลตอบรับค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจขณะนี้มียอดขายประมาณ 95% แล้ว คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ 100% ก่อนการก่อสร้างเสร็จอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้มีห้องพักที่ยังไม่จำหน่ายเพียง 10 ห้องเท่านั้น ดังนั้นจึงอยากจะให้ลูกค้าเข้ามาจับจองเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสดังกล่าว
สำหรับจุดเด่นของโครงการคือการเดินทางที่สะดวกสามารถเข้าออกโครงการ โดยสามารทะลุเข้า-ออกซอยสุขุมวิท 39 ซอยทองหล่อและทะลุถนนเพชรบุรีได้ ซึ่งเป็นทางผ่านส่วนตัวของโครงการและเป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกบ้านเท่านั้นที่นอกเหนือจากการเดินทางเข้า-ออกผ่านซอยสุขุมวิท 43 ซึ่งเป็นซอยตันทั้งนี้บริษัทมีที่ดินจำนวน 2 แปลง โดยแปลงแรกบริษัทสร้างเป็นตัวอาคารที่พักอาศัยดังกล่าว ส่วนอีกแปลงหนึ่งจะใช้เป็นทางเข้าออกของโครงการ
“เดิมโครงการมีพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ แต่เราได้ซื้อที่ด้านข้างเพิ่มอีกประมาณ 1 ไร่ซึ่งเป็นที่ว่างให้ลูกบ้านสามารถเดินทางผ่านเข้าออกไปทะลุซอย 39 ซอยทองหล่อและถนนเพชรบุรีได้ทั้งสองฝั่ง โดยเลี้ยวขวาจะไปออกทองหล่อ เลี้ยวซ้ายออกเพชรบุรี ซึ่งนับเป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการ ที่ทำให้ซอยตันไม่ตันและทำให้ลูกบ้านสามารถเดินทางเข้าสู่โครงการได้ 3 ทาง ไม่จำเป็นต้องเข้า-ออกผ่านซอยสุขุมวิท 43 เพียงทางเดียว” คุณกฤษฎากล่าว
คุณกฤษฎากล่าวต่อถึงการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้อยู่อาศัยในด้านสาธารณูปโภคว่าบริษัทจะไม่บริหารจัดการโครงการเอง แต่จะจ้างนิติบุคลซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำและมีมาตรฐานเข้ามาดำเนินการ ดังนั้นขอให้ลูกบ้านสบายใจได้ว่าโครงการจะถูกการจัดการด้วยบริษัทที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างลงตัวและรู้สึกคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป โดยภายในโครงการประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำ Fitness Sauna Room H-Sky Lounge Business Center and Library Kids Zone Sky Yoga เป็นต้น
“มันเป็นนโยบายของเราที่มุ่งเน้นให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่เหนือกว่าความคาดหมาย ได้รับของที่พรีเมี่ยมกว่า ทำเลที่ดีกว่า ราคาที่ถูกกว่าเพราะเราต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายที่ใหญ่กว่า โครงการนี้ถือว่าไม่น้อยหน้ากว่าบริษัทมหาชน ยอดขายของเราดีมาก ด้วยตัวโครงการที่ใช้วัสดุอย่างดี ในราคาที่สมเหตุสมผล โครงการของเราเป็นคอนโดมิเนียมที่ถูกที่สุดในย่านสุขุมวิท ซึ่งเป็นทำเลที่มีการแข่งขันสูงมาก ซึ่งมีคอนโดมิเนียมเปิดตัวอย่างต่อเนื่องและบริษัทมหาชนก็เข้ามาลงทุนกันเยอะมากทำให้ราคาในปัจจุบันค่อนข้างสูง ”คุณกฤษฎากล่าว
ส่วนเหตุผลที่บริษัทตัดสินใจเข้ามาพัฒนาโครงการดังกล่าว เนื่องจากมองว่าในย่านสุขุมวิทยังมีดีมานด์สูง ทำให้โครงการต่างๆ ที่เปิดในโซนนี้ยังได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าราคาจะสูงแต่มียอดการจับจองอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการนี้สามารถตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือชาวไทยที่ต้องการที่พักอาศัยท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งและในอนาคตอันใกล้นี้จะยกระดับเป็นโซนช้อปปิ้งลักซ์ชัวรี่
สำหรับโครงการต่อเนื่องในอนาคต บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในย่านสุขุมวิท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูล คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในราวช่วงปลายปีหน้าเพราะบริษัทต้องการที่จะปิดโครงการ H SUKHUMVIT 43 ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน โดยจะยังคงเป็นรูปแบบคอนโดมิเนียมเช่นเดิม เน้นคุณภาพในทำเลที่ดี ราคาเหมาะสม รวมทั้งการใช้วัสดุชั้นนำและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งนี้บริษัทมีความมั่นใจว่ายังมีฐานลูกค้าเดิมที่อยากซื้อโครงการของบริษัทและหากบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ ลูกค้าคงให้การตอบรับดีเช่นเดียวกับโครงการที่ผ่านมา
คุณกฤษฎากล่าวในตอนท้ายถึงเป้าผลประกอบการว่าในปีนี้บริษัทไม่ได้ตั้งตัวเลขไว้สูง เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา( 2555-2556) มียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2556 บริษัทได้ขายสินค้าไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผลประกอบการของปีนี้จึงตั้งไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท เพราะมีห้องพักเหลือไม่มาก ประกอบกับยังไม่มีโครงการใหม่ในปีนี้