เนาวรัตน์พัฒนาการกับความสำเร็จ 38 ปี
38 ปีเนาวรัตน์พัฒนาการอัดงบ 650 ลบ. ผุดโรงหล่อใหม่ที่ชลบุรี พร้อมบุกตลาดอสังหาฯ ทั้งแนวราบและแนวสูงอย่างเต็มรูปแบบ เล็งเป้าปีนี้โต 5% พร้อมโชว์ Backlog 14,661 ลบ.
คุณปสันน สวัสดิ์บุรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมและการก่อสร้างขนาดใหญ่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทครบรอบ 38 ปีแห่งความสำเร็จ โดยที่ผ่านมาได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากบริษัทเน้นคุณภาพมาตรฐานในการทำงานมาโดยตลอด
นอกจากนี้ บริษัทยังการันตีความเชื่อมั่นลูกค้า โดยได้รับรองคุณภาพมาตรฐานมากมาย อาทิ ISO 9001 : 2000, OHSAS 18001, TIS 18001 และได้รับใบอนุญาตจากทางราชการในระดับสูงสุดซึ่งเป็นสิ่งการันตีในเรื่องคุณภาพได้เป็นอย่างดี รวมทั้งยังเน้นเรื่องการปรับปรุงระบบและพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องด้วย
ด้านแผนการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างโรงหล่อแห่งใหม่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 650 ล้านบาท โดยซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ ส่วนอุปกรณ์นำเข้าจากประเทศอิตาลี โดยการขนส่งทางเรือและเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงงานปลายปี 2557 บนพื้นที่ประมาณ 60 ไร่ มีกำหนดแล้วเสร็จต้นปี 2558 และไตรมาสแรกจะเริ่มทำการผลิต โดยจะสร้างโรงหล่อควบคู่ไปกับการผลิตสินค้า
ส่วนแผนการดำเนินงานในด้านอสังหาริมทรัพย์จะแบ่งเป็นแนวราบและแนวสูง สำหรับแนวสูงบริษัทร่วมทุนกับบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ในสัดส่วน 40 : 60 ซึ่งประกอบด้วย
1. โครงการดิ อิสสระ ลาดพร้าว โดยเป็นคอนโดสูง 47 ชั้น จำนวน 561 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท เปิดการขายไปแล้ว 90% และได้โอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าแล้ว 99% คาดว่าจะปิดการขายได้ในปลายปี 2558 ถึงต้นปี 2559
2. โครงการอิซซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์ คอนโดมิเนียมสูง 24 ชั้น จำนวน 892 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท เริ่มเปิดการขายตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2556 ที่ผ่านมา ซึ่งขายไปแล้ว 80% จะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าได้ในไตรมาส 4 ปี 2558 คาดว่าจะปิดการขายได้ในปี 2559 ราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการเจาะกลุ่มลูกค้าวัยทำงานที่จะเริ่มมีครอบครัว
ส่วนโครงการแนวราบจะเป็นโครงการของบริษัท 100% ประกอบด้วย 1.โครงการวิลล่า บารานี - รังสิต คลอง 3 โดยเป็นโครงการบ้านเดี่ยว มีจำนวนทั้งหมด 198 หลัง มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายปี 2555 ที่ผ่านมา บนพื้นที่ 35 ไร่ 3 งาน ความคืบหน้าล่าสุดในการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 65% คาดว่าปลายปี 2558 จะแล้วเสร็จ และคาดว่าจะขายและโอนได้ทั้งหมด ขณะนี้ได้เปิดการขายไปแล้ว 60% และโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าไปแล้ว 40% ราคาเริ่มต้นกว่า 3 ล้านบาท
คุณปสันนกล่าวต่อว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยชื่อบริษัท มานะ พัฒนาการ จำกัด ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการโครงการแนวราบคือ โครงการบารานี พาร์ค – ร่มเกล้า โดย soft opening ไปแล้วเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท
ขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างเฟสแรกจำนวน 15 หลัง โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อต้นปี 2557 มีทั้งหมด 94 หลัง บนพื้นที่ 22 ไร่ ความคืบหน้าล่าสุด 20% คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2559 เปิดขายไปแล้วกว่า 3% คาดว่าจะปิดการขายได้ในปี 2559 โดยได้รับกระแสตอบรับดีมากเนื่องจากเป็นบ้านเน้นคุณภาพมาตรฐานและธรรมชาติเจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ราคาเริ่มต้นที่ 8-14 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังจะมีโครงการวิลล่า บารานี 2 - รังสิต คลอง 3 ซึ่งจะต่อยอดจากโครงการโครงการวิลล่าบารานีโครงการแรก แต่จะปรับคอนเซ็ปต์มาจากโครงการบารานี พาร์ค – ร่มเกล้า ซึ่งใกล้จะปิดการขายได้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะเน้นความเป็นธรรมชาติเป็นสวนมากขึ้น ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างต้นปี 2558 และจะเริ่มเปิดขายในปีเดียวกัน
“ปัจจุบันธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทอยู่ที่ประมาณ 3% คาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะขยับเพิ่มเป็น 10% เนื่องจากเล็งเห็นว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีมาร์จิ้นสูงและน่าจะทำรายได้เพิ่มมากขึ้นให้กับบริษัทได้อีก หลังจากที่เปิดตัวโครงการไปแล้วได้รับกระแสตอบรับดีเป็นอย่างมากจากลูกค้า ในอนาคตมีแผนที่จะสร้างทีมด้านอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นทั้งในในเรื่องทีมขายและผู้ออกแบบให้เป็นความรู้ของบริษัทเพื่อต่อยอดให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต” คุณปสันนกล่าว
คุณปสันนกล่าวต่อถึงเป้าหมายการเติบโตในปี 2557 ว่า ตั้งเป้าเติบโตที่ 5% จากปี 2556 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6,800 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายเนื่องจากมีงานที่อยู่ในมือ (Backlog) และงานที่คาดว่าจะได้ในปีนี้ ปัจจุบันบริษัทมีงานที่อยู่ในมือ (Backlog) ประมาณ 14,661 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทในปีนี้ประมาณ 35% ส่วนที่เหลือจะกระจายอยู่ในปีหน้าและปีถัดไป ส่วนงานที่กำลังติดตามอยู่ในขณะนี้เพื่อเตรียมเสนอราคามีมูลค่าประมาณ 6,770 ล้านบาท โดยมีงานในสัดส่วนเท่าๆ กันทั้งภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และราชการ คาดว่าจะได้รับงานประมาณ 20% ในปีนี้
สำหรับงานในต่างประเทศ บริษัทมีงานที่ สปป.ลาวคืองานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ซึ่งจะส่งมอบงานให้กับรัฐบาล สปป.ลาวภายในสิ้นเดือนกันยายน มูลค่างานประมาณกว่า 900 ล้านบาท และงานก่อสร้างถนน ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง มูลค่างานประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าจะส่งมอบงานได้ภายใน 2 ปี นอกจากนี้ ยังมีงานที่รอการติดตามที่ศรีลังกาและเวียดนามอีกด้วย
ด้านการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 ตนเชื่อว่าธุรกิจระหว่างประเทศ การเดินทาง และการก่อสร้างจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีโอกาสต่างๆ จะตามมามากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยจะส่งผลดีต่อบริษัท เนื่องจากมีบุคลากรพร้อมที่จะทำงานอยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อผู้รับเหมาในประเทศไทย เพราะมีจุดแข็งหลายด้านๆ คือสามารถทำงานได้หลายอย่าง โดยจะได้รับงานที่หลากหลายและเปิดโอกาสในหลายด้านเพื่อต่อยอดในธุรกิจด้วย
คุณปสันนกล่าวในตอนท้ายว่าบริษัทได้จำหน่ายหุ้นกู้ มูลค่า 1,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี ในวันที่ 25-27 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีอัตราดอกเบี้ย 5.50%/ปี ซึ่งจากการสำรวจพบว่านักลงทุนและผู้ถือหุ้นมีความสนใจเป็นจำนวนมากเพราะให้ผลตอบแทนที่ระดับ 5.50%/ปี โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทที่ประเมินโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด อยู่ที่ BBB-