ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ ทุ่ม 4,700 ลบ. ปรับปรุงประสิทธิภาพ Boiler พร้อมอัพกำลังการผลิต 520 MW
ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ ทุ่มงบลงทุนกว่า 4,700 ล้านบาท เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) คาดแล้วเสร็จภายในปี 63 พร้อมเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็นกว่า 520 เมกะวัตต์ มั่นใจผลประกอบการโตต่อเนื่อง
คุณภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP
คุณภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา บริษัทยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ และยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจากธุรกิจของบริษัทที่ผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการใช้ชีวิต จึงทำให้การดำเนินงาน รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ กอปรกับบริษัทในเครือ TPI ก็มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถฆ่าไวรัสและแบคทีเรียต่างๆ ได้ ทำให้สามารถนำมารองรับการดำเนินงาน รวมถึงไว้เสิร์ฟให้กับพนักงานทุกคน เพื่อความปลอดภัยอยู่แล้ว
คุณภัคพล กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าของหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) จำนวน 3 หม้อ ได้แก่ B13, B14 และ B15 ด้วยงบลงทุน 4,700 ล้านบาท เพื่อพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของบริษัทให้มีเสถียรภาพแม้อยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุง อีกทั้งเพื่อให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 95% ตลอดเวลาทั้งปี ซึ่งขณะนี้หม้อต้มไอน้ำ B13 ได้ปรับปรุงแล้วเสร็จและเริ่มการผลิตไอน้ำแล้ว ส่วนหม้อต้มไอน้ำ B14 และ B15 ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มผลิตไอน้ำได้ภายในปี 2563 นี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ เพื่อขยายกำลังการผลิตติดตั้งเป็นกว่า 520 เมกะวัตต์ (MW) จากปัจจุบันอยู่ที่ 440 เมกะวัตต์ ซึ่งตามแผน PDP 2018 คือโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะต้องมีกำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 900 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะขยายได้อย่างช้าภายในปี 2580 ขณะเดียวกันภาครัฐมีแผนเปิดประมูลโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะประมาณ 40 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 500 เมกะวัตต์ เป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนแบบ VSPP ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์
และโรงไฟฟ้าของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ที่มีกำลังการผลิตติดตั้ง 10-30 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ คาดว่าภาครัฐจะเริ่มทยอยเปิดประมูลโรงไฟฟ้าทั้ง 2 กลุ่มในปีนี้ได้ประมาณ 10-12 โครงการ โดยบริษัทจะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ VSPP และ SPP ดังกล่าว ซึ่งโรงไฟฟ้าเหล่านี้และคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตั้งแต่ปี 2566
“ขณะที่ครึ่งปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของบริษัทยังถือว่าเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ แม้ว่าใน Q1 จะติดปัญหาเนื่องจากระบบของผู้รับซื้อไฟขัดข้อง จึงทำให้ต้องหยุดการผลิตไป 3 รอบ ในเวลา 2 เดือน ผลประกอบการ Q1 ที่ได้ จึงน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนใน Q2 ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นถึง 15.14% โดยในครึ่งปีแรก TPIPP มีรายได้รวมแล้ว 5,525 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับผลประกอบการโดยรวมในปี 2563 จากที่บริษัทได้เพิ่มหม้อต้มน้ำใหม่เข้ามา 3 หม้อ คาดว่าผลประกอบการต้องดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน” คุณภัคพลกล่าว
