แอ็พพลาย ดีบี ยืนเป้ารายได้แตะ 2,000 ลบ.
แอ็พพลาย ดีบี วางเป้ารายได้ปีนี้พุ่ง 2,000 ลบ. ไม่หวั่นปัจจัยลบ “ราคาต้นทุนวัตถุดิบผันผวน” มั่นใจบรรลุผล ชูความแข็งแกร่งด้วยยอดขายโตต่อเนื่อง ปี 64 ทะลุ 1,600 พร้อมเดินหน้าลงทุนในกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ โดยเพิ่มไลน์อัพกำลังผลิต คาดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ Q3-Q4
คุณพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้รวมแตะ 2,000 ล้านบาทไว้เช่นเดิม ถึงแม้ว่า ราคาต้นทุนวัตถุดิบ PVC Compound จะมีความผันผวน โดยมีการปรับเพิ่มจาก 75% ก่อนหน้านี้มาเป็นเกือบ 90% ในช่วง Q1 ปีนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) Q1 และ Q2 รวมถึง ส่งผลต่อการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าเป้าหมายดังกล่าวจะสามารถบรรลุผลสำเร็จ โดยบริษัทมีความมั่นคงทางรายได้มาตั้งแต่ปี 2563 ยอดขายมีการเติบโตมาโดยตลอด ซึ่งสามารถทะลุ 1,600 ล้านบาทในปี 2564 ที่ผ่านมา และ New High ที่จะพยามทำ คือ 2,000 ล้านบาท โดยมีความท้าทายว่า ณ สิ้นปี บริษัทจะบริหารต้นทุนและบริหารกำไรให้มีความพึงพอใจอย่างไร เนื่องจาก FIX Cost ไม่ได้มีเพิ่มขึ้นมากมายแต่อย่างใด โดยการลงทุนในส่วนเครื่องจักรได้มีการทยอยปรับเป็น Semi Auto มาอย่างต่อเนื่อง
“หากยอดขายแตะ 2,000 ล้านบาท และ FIX Cost ไม่ได้เพิ่มมาก กำไรจะเป็นตัวที่ค่อนข้างโดดเด่นพอสมควร โดยสิ่งที่เราจะต้องดำเนินการ คือ การพยายามรักษายอดขายไม่ให้ลดลง รวมถึง การบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบที่ดี เพราะช่วงพีคที่สุดที่เราแบกรับภาระต้นทุนจะอยู่ในช่วง Q1 และผลกระทบใน Q2 จะน้อยลง รวมถึง การสัญญาณที่ดีของยอดขายตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา” คุณพรพิวรรณกล่าว
คุณพรพิวรรณ กล่าวต่อถึงแผนการลงทุนว่า ธุรกิจ Medical Grade PVC Compound หรือกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ คาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องใช้งานของลูกค้า ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนเพิ่มไลน์ผลิตอีก 2-3 ไลน์ในปีนี้ โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างขั้นตอนการติดตั้งเครื่องจักร รวมถึง ปรับปรุงโรงงานส่วนขยาย คาดว่าจะพร้อมเดินเครื่องผลิตสินค้าในช่วง Q3-Q4 ปีนี้
“แต่เดิมเรามีไลน์ผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ 3 ไลน์การผลิต และคาดการณ์ว่าไลน์ผลิตที่ 3 จะ Full Capacity ในปีนี้ แต่เนื่องจากความต้องการใช้งานสินค้าที่เพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ Full Capacity ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และจากการที่เราเห็นดีมานด์ดังกล่าว ในปีนี้จึงมีแผนเพิ่มอีก 2-3 ไลน์ผลิต จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่งจากเดิมที่เคยมีอยู่แล้ว และกำลังการผลิตจะขยับขึ้นมาเป็นรอง PVC สายไฟ” คุณพรพิวรรณกล่าว
ขณะเดียวกันในส่วนของ PVC Compound บริษัทมีแผนที่จะปรับเครื่องจักรให้เป็นระบบ Auto มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในอนาคต รวมถึง มีแผนปรับปรุงระบบการผลิต และการลดใช้พลังงาน อาทิ การปรับเปลี่ยนใช้โซล่าร์เซลล์ในโรงงานผลิต PVC Compound ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว 1 โรงงานก่อนหน้านี้ และในปีนี้จะทยอยดำเนินการในอีก 1 โรงงาน เป็นต้น โดยการลงทุนหลักๆ จะเป็นเรื่องของการเข้ามาปรับในเรื่องกระบวนการสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
