AEG คงการเป็นผู้นำด้าน SECURITY & INSURANCE เผยความน่าเชื่อถือและความแม่นยำเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ
AEG ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยและการประกันภัยครบในที่เดียว ผู้เชี่ยวชาญในวงการธุรกิจสินค้ามูลค่าสูงมากว่า 40 ปี เผยทิศทางธุรกิจลุยขยาย 16 สาขาในไทย เตรียมเดินหน้าทำ R&D สินค้าและบริการใหม่ๆ รองรับการบริการด้านความปลอดภัยที่ตอบโจทย์และครอบคลุม พร้อมชูแนวทางการบริหารองค์กรด้วยแนวคิด “EASE” เน้นสร้างความสบายใจทั้งลูกค้าและคนในองค์กร
คุณวชิรวิทย์ พูน รองประธานกรรมการบริหารเครือบริษัท แองโกลอีสต์กรุป หรือ AEG
คุณวชิรวิทย์ พูน รองประธานกรรมการบริหารเครือบริษัท แองโกลอีสต์กรุป หรือ AEG กล่าวว่า AEG เริ่มก่อตั้งขึ้นที่ฮ่องกง เมื่อ 40 ปีที่แล้ว โดย คุณเคเค พูน ประธาน AEG ผู้ที่มีวิสัยทัศน์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการปกป้องทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จึงได้ขยายธุรกิจจากการให้บริการด้านประกันวินาศภัย ดูแล คุ้มครอง และชดเชยหากเกิดการสูญเสียต่อทรัพย์สินและของมีค่าต่างๆ ของลูกค้าเพียงอย่างเดียว มาช่วยดูแลและป้องกันภัยด้วยระบบรักษาความปลอดภัยด้วย จะได้ดูแลลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น หลังจากนั้นบริษัทได้เริ่มขยายธุรกิจสู่อีก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีน ซึ่งในประเทศไทย AEG เข้ามาดำเนินธุรกิจในปี 2530 โดยให้บริการด้านประกันภัยสินค้ามูลค่าสูง และดูแลด้านระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น สัญญาณเตือนภัยกันขโมย ระบบกล้องวงจรปิด ระบบควบคุมการเข้า–ออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ และบริการตู้เซฟและตู้นิรภัย ซึ่งทุกระบบรักษาความปลอดภัยบริษัทได้มีการพัฒนาบริการและเทคโนโลยีขึ้นมาโดยเฉพาะ
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 AEG ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาทั้งสิ้น 16 สาขาในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 6 สาขา และภายในปีนี้จะทยอยเปิดให้ครบเพื่อรองรับการบริการลูกค้าทั่วประเทศอย่างครอบคลุม ทั้งนี้ สิ่งที่บริษัทเรียนรู้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราเห็นการเติบโต รวมถึงความสนใจจากกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะธุรกิจสินค้ามูลค่าสูง เข้ามาหาเรามากพอสมควร ซึ่งตลาดใหม่ๆ ที่เข้ามานี้ ถือเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ และแน่นอนว่า AEG ต้องดำเนินงานด้วยความไม่ประมาท เราต้องศึกษาให้ถ่องแท้ที่สุดว่าลูกค้าหรือตลาดต้องการอะไร เพื่อที่จะได้ให้บริการลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ที่ผ่านมา จากสถิติการเติบโตของ AEG ในรอบ 5 ปี เราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 40% สำหรับในประเทศไทย ซึ่งปีนี้เป้าหมายของเราก็ต้องการมากกว่านั้น หรือไม่ต่ำกว่าสถิติเดิม ส่วนในปีหน้าเราตั้งใจจะต่อยอดสิ่งที่เรามี โดยการทำ R&D โปรดักส์ใหม่ๆ ซึ่ง Mindset ของเรา ไม่ใช่แค่การตามเทรนด์ว่าตอนนี้ตลาดมีอะไร อุปกรณ์อะไรทันสมัย เพราะถ้าแค่เรื่องนี้เรามีได้ คนอื่นก็มีได้เหมือนกัน คำถาม แล้วอะไรคือการป้องกันหรือความปลอดภัย นี่คือสิ่งที่เราต้องมาทำ R&D มาพัฒนาในบริการของเรา ซึ่งในอนาคตเราก็มีแผนพัฒนาระบบหรืออุปกรณ์ด้านความปลอดภัยออกมาอย่างแน่นอน” คุณวชิรวิทย์กล่าว
คุณวชิรวิทย์ กล่าวถึงหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจว่า การเป็นผู้ให้บริการธุรกิจด้านประกันภัย และเป็นผู้ให้บริการด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผ่านมาประกันภัยของ AEG ได้รับการจัดอันดับ Credit Rating ด้านการเงิน AA- ซึ่งสูงที่สุดในโลก โดยเป็นเครื่องการันตีความน่าเชื่อถือตลอด 40 ปีของ AEG ได้เป็นอย่างดี นอกจากเรื่องความน่าเชื่อถือแล้ว AEG ยังใช้แนวทางการบริหารงาน โดยให้ความสำคัญกับบุคลากรภายในองค์กรของบริษัท เนื่องจากคนในองค์กรต้องไปดูแลลูกค้าของบริษัท ฉะนั้นหากเราดูแลคนในองค์กรให้ทำงานอย่างมีความสุข มีความก้าวหน้า สนับสนุนในทุกทักษะที่เขาสนใจให้ประสบความสำเร็จที่สุด แน่นอนว่าเขาจะส่งต่อความสุขนี้ให้ลูกค้าด้วย เพราะฉะนั้นแนวทางการบริหารของเราจึงเน้นที่ EASE ที่หมายถึงความสบายใจ ซึ่งเราจะมอบให้ทั้งลูกค้า และบุคลากรในองค์กร
สำหรับจุดเด่นอันเป็นข้อแตกต่างของ AEG นอกจากการประกันที่ครอบคลุมมูลค่าความเสียหายอย่างไม่จำกัดทุน และ Credit Rating ด้านการเงิน AA- แล้ว AEG ก็ยังมีบริการด้านการดูแลความปลอดภัยให้ทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ยิ่งไปกว่านั้นระบบรักษาความปลอดภัยของ AEG ยังเป็นระบบที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ (Gold Award) จากสำนักงานป้องกันอาชญากรรมตำรวจฮ่องกง (Hong Kong Police Force-Crime Prevention Bureau) ในเรื่องของความแม่นยำด้วย ซึ่งระบบของ AEG สามารถการันตีได้ว่าไม่มีสัญญาณเท็จ (False Alarm) ดังนั้น นี่จึงเป็นเป็นจุดแข็งที่แตกต่างของบริษัท และยังเป็นเหตุผลที่หลายๆ กลุ่มธุรกิจเข้ามาให้เราดูแล
สำหรับโอกาสและความท้าทายของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย คุณวชิรวิทย์ กล่าวว่า เมื่อเวลาผ่านไป พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป เมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้ว คำว่า “Security” กับ “Insurance” เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่มักจะถอยทันที หากเราเข้าไปพูดคุยด้วยเรื่องนี้ ในขณะที่ปัจจุบันผู้คนสนใจเรื่องนี้มากขึ้น เริ่มฟังรายละเอียดด้านนี้มากขึ้น นั่นหมายความว่าปัจจุบันคนให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของตนเองมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเจเนอเรชั่นที่เกิดปี 1980 เป็นต้นมา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วประเทศไทยจะคล้ายกับฝั่งตะวันตกอย่าง อเมริกา เยอรมนี ที่มองเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นสิ่งที่สร้างความสบายใจให้ ฉะนั้นจะเห็นว่าเทรนด์ด้านนี้มีมากขึ้น โอกาสในธุรกิจของเราก็มากขึ้นเช่นกัน และแน่นอนว่าเรามั่นใจในความเชี่ยวชาญของเราในการตอบโจทย์ความต้องการ และช่วยแก้ปัญหาของผู้ใช้งาน เพื่อให้เขามีความปลอดภัย และสบายใจในการใช้งาน
ส่วนในแง่ความท้าทาย เนื่องจากโลกเรามีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมาทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยี AEG เราเลยต้องปรับตัวให้เท่าทันอยู่ตลอด โดยที่ผ่านมา AEG ได้มีการลงทุนในด้าน Blockchain ในรูปแบบแอปพลิเคชัน เพื่อการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ ที่ยากต่อการปลอมแปลง อันเป็นระบบเดียวกับที่ธนาคารต่างๆ ใช้ ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชันนี้ได้มาสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถคอนโทรลระบบผ่านมือถือได้อย่างสะดวก และปลอดภัย แต่แน่นอนว่าสิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมและถูกพูดถึงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เราต้องปรับให้เข้ากับธุรกิจของ AEG นี่ก็เป็นความท้าทายใหม่ของเรา
คุณวชิรวิทย์ กล่าวถึงเรื่องของความยั่งยืนด้วยว่า เนื่องจาก AEG เป็นธุรกิจกลุ่ม Service ซึ่งไม่ได้มีข้อบังคับในเรื่องของสิ่งแวดล้อมโดยตรง แต่เราก็ค่อนข้างให้ความสำคัญในด้านนี้ อย่างน้อยคือต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อส่วนร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Emission เพราะการดำเนินงานของเราต้องใช้ยานพาหนะเยอะ เราก็พยายามปรับตัวมาใช้รถที่ลดการปล่อยมลพิษ ขณะเดียวกันในแง่การทำงานเราก็ให้ความสำคัญกับเรื่อง Green Energy ด้วยงานของเราจะใช้ไฟฟ้าเยอะ เนื่องจากระบบต่างๆ ต้องรัน 24 ชั่วโมง บริษัทก็ได้ลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์เข้ามาใช้มากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ในด้านสิ่งแวดล้อมโดยรวม แน่นอนอย่างน้อยเราได้เป็นส่วนหนึ่งที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนความยั่งยืนในด้านของธุรกิจ อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า เรามองว่าการดูแลบุคลากรภายในองค์กร และลูกค้าของเราให้มีความสุขและความสบายใจนั้น เป็นหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ เป็นความยั่งยืนในตัวอยู่แล้ว ฉะนั้นสิ่งที่เราจะทำได้มากว่านี้คือการปรับตัว พัฒนาศักยภาพต่างๆ ให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด ในเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เราก็ต้องปรับตัวเองเพื่อให้ทันกับความต้องการ ความเสี่ยง โอกาสและความสูญหายที่อาจเกิดขึ้น ณ เวลานั้นๆ ให้ได้
ทั้งนี้ สำหรับบริการระบบรักษาความปลอดภัยของ AEG ถือเป็นระบบที่ครบวงจร โดยเราจะใช้อุปกรณ์เตือนภัยคุณภาพสูงและเทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อการเฝ้าระวังภัยโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยในระดับที่เหนือกว่า ซึ่งระบบนี้รวมถึงการติดตั้งและการเฝ้าระวังภัยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสามารถสบายใจได้ในทุกเวลา โดยทาง AEG จะปรับระบบรักษาความปลอดภัย Security System นี้ให้เหมาะสมกับความต้องการและความจำเป็นที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละท่านเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยบริษัทมีบริการระบบรักษาความปลอดภัย 4 ประเภท ดังนี้
- ระบบสัญญาณกันขโมยและผู้บุกรุกสำหรับธุรกิจ บ้านและอาคาร (AEG Surveillance System) เป็นระบบที่ AEG ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเอง ชื่อว่า “Tri-sensor” เป็นเซ็นเซอร์ตรวจสอบ 3 สิ่งด้วยกัน คือ ความเคลื่อนไหว, อุณหภูมิ และมวลน้ำหนัก ซึ่งช่วยให้สามารถแยกคนจากสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ทันที โดยทาง AEG การันตีได้ว่าระบบสัญญาณกันขโมยนี้จะไม่มีการส่งสัญญาณเท็จให้กับเจ้าของธุรกิจ บ้านและอาคารถึง 99.99% โดยระบบสัญญาณกันขโมยจาก AEG มาพร้อมทีมเฝ้าระวังเหตุ 24 ชม. AEG CMS ที่จะคอยมอนิเตอร์สัญญาณความผิดปกติพร้อมประสานงานเข้าระงับเหตุให้อย่างทันท่วงที
- ระบบสัญญาณเตือนป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm System) แจ้งเตือนเฝ้าระวังไฟไหม้ด้วยการตรวจจับควันและความร้อนในเวลาเดียวกัน พร้อมศูนย์เฝ้าระวัง AEG CMS ที่จะคอยช่วยตรวจจับสัญญาณของอุปกรณ์ทุกวินาที เพื่อตรวจสอบระบบสัญญาณเตือนป้องกันอัคคีภัยว่ายังสามารถใช้งานได้ดีอยู่เสมอ และประสานงานนักดับเพลิงเข้าระงับเหตุแบบทันทีที่ได้รับการแจ้งเตือนความผิดปกติในพื้นที่
- ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV Network) ที่มีระบบบันทึกภาพแบบ Full HD ซึ่งเป็นระบบกล้องวงจรปิดไร้สายเพื่อความคมชัดที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนหรือในบริเวณที่มีแสงน้อย พร้อมทั้งยังสามารถบันทึกภาพต่อเนื่องได้แม้มีการตัดไฟหรือไฟดับ ซึ่งจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดต่อเนื่องได้นานถึง 1 ชั่วโมง และผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่ออัพเดตทุกเหตุการณ์ได้อย่างเท่าทัน แม้ในเวลาที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดก็สามารถดูภาพหรือสั่งการอุปกรณ์ได้จากระยะไกลผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือเท่านั้น
- ระบบล็อคอิเล็กทรอนิกส์และระบบควบคุมการเข้า-ออกทางประตู (Electronic Locking & Access Control System) หนึ่งในระบบรักษาความปลอดภัยในโรงงาน บ้าน สำนักงาน หรือสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะควบคุมการเข้า-ออกทางประตูที่มาพร้อมกับตัวเลือกที่หลากหลายเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการและความจำเป็นที่แตกต่างกันได้ โดย AEG เรามีระบบป้องกันแบบยืนยันตัวตนต่างๆ (Access Control System) ดังนี้ ระบบสมาร์ทการ์ด ระบบสแกนนิ้ว ระบบสแกนเส้นเลือด ระบบสแกนใบหน้า ระบบสแกนรูม่านตา และระบบเครื่องทาบบัตร
“AEG ได้ดำเนินธุรกิจมาแล้วกว่า 40 ปี ในการปกป้อง คุ้มครอง ดูแล และแก้ไขปัญหาของลูกค้าของเราได้ตรงจุด และเราก็ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาบริการของเราอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกค้าของเราทุกท่านได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจในทุกวัน ตามที่เราตอกย้ำอยู่เสมอว่าเราอยากให้ทุกคนรู้สึก Always at EASE เมื่ออยู่กับ AEG” คุณวชิรวิทย์ กล่าวทิ้งท้าย