YUASA ครองแชมป์ผู้นำตลาดแบตเตอรี่ในไทย
พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนระดับโลก
บมจ.ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย (YUASA) ภายใต้การบริหารของ “คุณสึเนะโนริ โยชิมูระ” เผยพร้อมเดินหน้าพัฒนาองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นนโยบายการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนของบริษัทแม่ GS YUASA ประเทศญี่ปุ่น เพื่อมุ่งสู่มาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับสากล การันตีความสำเร็จล่าสุดกับรางวัล CSR DIW 5 ปีซ้อน
คุณสึเนะโนริ โยชิมูระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ YUASA เปิดเผยว่า ในปี 2567 แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจรอบด้าน แต่บริษัทยังคงสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยสามารถทำลายสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ทั้งในแง่ของรายได้ และกำไร ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวนี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานตามแผน และกลยุทธ์อย่างมุ่งมั่นของคณะผู้บริหารและพนักงานทุกคน
ยิ่งไปกว่านั้นในปีที่ผ่านมา บริษัทได้มีการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต ด้วยการติดตั้งไลน์ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์แบบอัตโนมัติ (Automation Line) ทำให้บริษัทขยายกำลังการผลิตได้มากถึง 4.4 ล้านลูกต่อปี และสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด OEM ด้วยส่วนแบ่งการตลาดแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ในประเทศไทยมากถึง 90% โดยบริษัทผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำอย่าง HONDA 60%, YAMAHA 100% และ Kawasaki 60% พร้อมทั้งยังสามารถขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย โดยครองส่วนแบ่งได้ 100% ทั้งสองประเทศ
คุณโยชิมูระ กล่าวว่า ปัจจุบันแม้เศรษฐกิจจะยังคงมีความไม่แน่นอน บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นต่อยอดความสำเร็จต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจในปี 2568 โดยจะเน้นให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ 3C ซึ่งประกอบด้วย 1.Customer - ยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ตามความคิดเห็นของผู้ใช้ 2.Company - ลงทุนในระบบบริหารงานทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning : ERP) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการองค์กรให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันบนฐานข้อมูลเดียวกัน และมีกระบวนการทำงานที่เป็นมาตรฐานร่วมกัน และลงทุนระบบการจัดการคุณภาพโดยรวม (Total Quality Management : TQM) ที่มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจของลูกค้า ด้วยการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และ 3.Competitor – รักษาความเป็นผู้นำในตลาดด้วยการเน้นที่คุณภาพของผลิตภัณฑ์มากกว่าการแข่งขันทางด้านราคา
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างแข็งแกร่งแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องความยั่งยืน เนื่องจากยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทยเป็นบริษัทหนึ่งภายใต้ บริษัท จีเอส ยัวซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเทศญี่ปุ่น (GS YUASA) ที่มีแนวทางด้านความยั่งยืนที่เข้มแข็ง และได้ถ่ายทอดมาสู่บริษัทในเครือ โดยหลักการที่บริษัทยึดถือเป็นหลักปฏิบัติคือ “นวัตกรรมและการเติบโต” กล่าวคือ บริษัทจะเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนานวัตกรรม ควบคู่กับการดูแลใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยนวัตกรรมในที่นี้ ไม่ได้หมายความถึงการพัฒนาเทคโนโลยี ธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการผสานเทคโนโลยีและบริการที่มีอยู่เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ที่จะส่งผลดีต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
คุณโยชิมูระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้บริษัทยังคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องภายใต้การปฏิบัติตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เพื่อลดผลกระทบในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการประกอบกิจการขององค์กร โดยยึดหลักการบริหารจัดการองค์กรด้าน CSR จากบริษัทแม่ GS YUASA ที่ครอบคลุมทั้งหมด 7 ด้าน ได้แก่ 1.การกำกับดูแลองค์กร 2.สิทธิมนุษยชน 3.การปฏิบัติด้านแรงงาน 4.สิ่งแวดล้อม 5.การดำเนินงานอย่างเป็นธรรม 6.ประเด็นด้านผู้บริโภค และ 7.การมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน
ทั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทได้รับรางวัลมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการ ประจำปี 2567 หรือ CSR-DIW CONTINUOUS AWARD 2024 ภายใต้โครงการส่งเสริมโรงงานอุตสาหกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชนอย่างยั่งยืน จัดโดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยรางวัล CSR-DIW เป็นรางวัลที่บริษัทได้รับมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการดำเนินงานของบริษัท ที่คำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติ ตั้งแต่การปฏิบัติตามมาตรฐานความรับผิดชอบของภาคอุตสาหกรรม ไปจนถึงการส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อม อันเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
“ถือเป็นโชคดีอย่างยิ่งที่นโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมที่เราได้รับมาจาก GS YUASA ตรงกับหลักเกณฑ์ของ CSR-DIW ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมได้อย่างดี และส่งผลให้เราได้รับรางวัลนี้มาถึงปีที่ 5 ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทได้วางรากฐานนโยบายด้าน CSR อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว บริษัทแม่ของเราได้สานต่อพันธกิจด้วยการผลักดันนโยบายด้านความยั่งยืน ซึ่งจะครอบคลุมถึงผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อมในระดับโลก เราตระหนักดีว่าการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันไม่ได้ทำแค่สร้างผลกำไร แต่ต้องรับผิดชอบต่อโลกและสังคมโดยรวมด้วย
ในระดับนานาชาติ องค์การสหประชาชาติ หรือ UN ได้กำหนดหลักการ 10 ข้อ ที่ครอบคลุม 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1.สิทธิมนุษยชน 2.สิ่งแวดล้อม 3.แรงงาน และ 4.การต่อต้านการทุจริต เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนสำหรับทุกคนทั่วโลก โดย GS Yuasa ประเทศญี่ปุ่นได้ลงนามร่วมกับ UN เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่าทุกบริษัทในเครือจะปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว เพื่อเป็นการขยายขอบเขตความรับผิดชอบของเราจากภายในองค์กรและสังคมโดยรอบไปสู่ระดับโลก นับเป็นอีกเป้าหมายสำคัญในปีนี้ ที่บริษัทจะก้าวไปอีกขั้นในด้านของความยั่งยืน” คุณโยชิมูระกล่าว
คุณโยชิมูระ กล่าวถึงโอกาสและความท้าทายในการดำเนินงานด้วยว่า สิ่งที่เป็นจุดแข็งอันเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย คือประสบการณ์ด้านการผลิตแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า 62 ปี ประกอบกับชื่อเสียงและการได้รับการยอมรับในตลาดของแบรนด์ Yuasa ซึ่งจุดเด่นทางประวัติศาสตร์ที่ยาวนานนี้ ก็มีสิ่งที่ต้องปรับปรุงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะวัฒนธรรมขององค์กรที่ต้องค่อยๆ พัฒนาปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงต้องรักษาบรรยากาศการทำงานที่อบอุ่นและมั่นคง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการลาออกของพนักงานของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ
บริษัทจะเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนานวัตกรรม ควบคู่กับการดูแลใสใจสิ่งแวดล้อมโดยนวัตกรรมในที่นี้ ไม่ได้หมายความถึงการพัฒนาเทคโนโลยี ธุรกิจ และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการผสานเทคโนโลยีและบริการที่มีอยู่เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ที่จะส่งผลดีต่อสังคม สิ่งแวดล้อม ไปพร้อมกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
ด้วยความที่พนักงานมีความผูกพันกับบริษัทอย่างยาวนานอาจทำให้มุมมองจำกัดอยู่เพียงเรื่องภายในองค์กร บริษัทจึงตั้งใจที่จะเปิดโลกทัศน์ของพวกเขาโดยมุ่งเน้นเรื่องของสังคมและความยั่งยืน เพื่อให้มองเห็นภาพรวมที่กว้างขึ้น สามารถเป็นส่วนหนึ่ง และเดินไปในทิศทางเดียวกันกับบริษัทได้ โดยเราเชื่อว่าการผสานประสบการณ์อันยาวนานเข้ากับการปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กรและการเปิดโลกทัศน์ของพนักงานจะนำพาบริษัทไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง
นอกจากนี้ ท่ามกลางกระแสเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ทวีความสำคัญ รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงบทบาทของการส่งเสริมธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยมีการพิจารณานโยบายลดหย่อนภาษีสำหรับแบตเตอรี่คุณภาพสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน ซึ่งบริษัทมองว่านโยบายนี้จะช่วยส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในด้านการลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งยัวซ่าแบตเตอรี่เรามั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และเชื่อว่านโยบายดังกล่าวจะเป็นแรงผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านโยบายนี้จะยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของรัฐบาลในการส่งเสริมความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทหวังว่านโยบายนี้จะได้รับการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม และผลักดันให้อุตสาหกรรมมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต
“ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท เป้าหมายต่อไปของเราคือการทำลายสถิติ New High อีกครั้งในปี 2568 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กร เพื่อพัฒนาองค์กรสู่การเป็นผู้นำการผลิตแบตเตอรี่ในด้านเทคโนโลยีที่มีคุณภาพระดับโลก และแน่นอนว่าบริษัทจะต้องเดินหน้าควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน” คุณโยชิมูระกล่าวทิ้งท้าย