May 06, 2024

“ดีคอน” ฉลองความสำเร็จ 17 ปี

“ดีคอน” ฉลองความสำเร็จ 17 ปีbอัดงบ 390 ลบ. ลุย 2 โปรเจคปีมะเส็ง

ดีคอนโปรดักส์ ประกาศศักยภาพรับ 17 ปี ทุ่มงบ 390 ลบ. ลงทุนเพิ่มเสริมรุ่งปีงูเล็กทั้งอสังหาริมทรัพย์และสร้างโรงงานใหม่ เล็งเป้าปีนี้ 1,300 ลบ. พร้อมรับ AEC เดินหน้าขยายตลาดในภาคอีสานบุกประเทศเพื่อนบ้าน

คุณวิทวัส พรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด(มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายแผ่นพื้นและเสาเข็มอัดแรงภายใต้แบรนด์ “DCON” กล่าวถึงหลักการบริหารงานที่ทำให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมายาวนานและครบรอบ 17 ปีในปีนี้ โดยได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ว่าสิ่งที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้นั้นคือการที่บริษัทมีการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมากที่สุดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด

รวมทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความจริงใจต่อลูกค้าและทำทุกอย่างตรงไปตรงมาอย่างเปิดเผย เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์บริษัท จะได้สิ่งที่ดีและมีมาตรฐานในเรื่องคุณภาพตอบแทนกลับไปเสมอ นอกจากนี้ตนจะสอนพนักงานทุกคนเสมอว่าต้องสู้ไม่ถอย ไม่เสร็จ ไม่เลิกรา ซึ่งทุกวันนี้ตนก็ยังสอนพนักงานเสมอในเรื่องการต่อสู้กับทุกสิ่งที่เข้ามาและต้องพร้อมสู้เสมอ

คุณวิทวัส กล่าวต่อถึงแผนการลงทุนในปี 2556 ว่าประกอบด้วย 2 แผนงานดังนี้ 1. แผนการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 2. แผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานเพิ่ม โดยในส่วนของแผนการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์คือการก่อสร้างคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ โครงการดีซิโอ้ (Dzio) จำนวน 799 ยูนิต ซึ่งตั้งอยู่ที่งามวงศ์วาน กรุงเทพมหานคร  โดยใช้งบประมาณในการดำเนินก่อสร้าง 250 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในระหว่างขั้นตอนการยื่นขออนุมัติการก่อสร้างจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนกรกฎาคมนี้ และตั้งเป้าก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาสสุดท้ายของปี 2557

“ในระหว่างที่ยื่นขออนุมัติการก่อสร้างจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เราจะสร้างห้องตัวอย่าง 3 ห้องให้ลูกค้าได้เข้ามาดูแบบตัวอย่าง คาดว่าจะสร้างเสร็จในเดือนเมษายนนี้ หลังจากนั้นจะเริ่มเปิดขายทันที และคาดว่าภายใน 4 เดือนจะขายได้หมด โดยจะเริ่มเปิดให้จองตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ในราคายูนิตละ 1 ล้านบาท มีทั้งหมด 799 ยูนิต ซึ่งถ้าปิดการขายได้หมดในปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 800-900 ล้านบาท” นายวิทวัสกล่าว

ด้านแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานบริษัทมีแผนที่จะก่อสร้างโรงงานเพิ่มอีก 2 แห่ง โดยจะเพิ่มจากปัจจุบันที่บริษัทมีสาขาแผ่นพื้นใน 3 ภาค ได้แก่ 1. ภาคใต้ ตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี  2. ภาคกลาง ตั้งอยู่ที่อำเภอพัฒนานิคม จ.ลพบุรี  3. ภาคเหนือ ตั้งอยู่ที่ บ.ร่มโพธิ์โปรดักส์ จํากัด จ.ลำพูน และปัจจุบันบริษัทนับเป็นผู้จำหน่ายแผ่นพื้นและเสาเข็มอัดแรงสำหรับบ้านพักอาศัยรายใหญ่สุดในประเทศ

โดยแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งแรกจะตั้งอยู่ใน จ.ระยอง และนับเป็นโรงงานแห่งแรกที่ตั้งในภาคตะวันออก ซึ่งบริษัทได้เล็งไว้นานแล้วเนื่องจาก จ.ระยอง ในอนาคตน่าจะมีการเติบโตที่ดีเพราะอยู่ใกล้พัทยาซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยทำเลที่ตั้งของโรงงานอยู่กึ่งกลางระหว่างระยองและพัทยา ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 70 ล้านบาท บนพื้นที่ทั้งหมด 24 ไร่

ส่วนแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 จะตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน จ.ขอนแก่น โดยจุดส่งของทั้งหมดจะอยู่ห่างกันไม่เกิน 30-40 กม.จากโรงงาน ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 70 ล้านบาท บนพื้นที่ทั้งหมด 28 ไร่  ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเขียนผังและรายละเอียดโรงงานเพื่อยื่นขออนุมัติการก่อสร้างจากกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งใช้ระยะเวลาในการยื่นขอ 40-45 วัน คาดว่าโรงงานทั้ง 2 แห่ง จะดำเนินการสร้างเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2556

คุณวิทวัส กล่าวต่อถึงผลประกอบการในปี 2555 ที่ผ่านมาว่ามีรายได้ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2556 หากโรงงานก่อสร้างเสร็จและรวมยอดขายของคอนโดมิเนียมดีซิโอ้ จะทำให้เป้าผลประกอบการอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับยอดขายด้วยว่าจะขายได้มากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตามการรับรู้รายได้ของโรงงานที่ จ.ขอนแก่นและโรงงานที่ จ.ระยอง จะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังเท่านั้นเนื่องจากหลังจากที่สร้างโรงงานเสร็จจะรับรู้รายได้เต็มๆ เมื่อลงเครื่องจักรทั้งหมดและเดินเครื่องกำลังผลิตเต็มที่ และคาดว่าจะรับรู้รายได้จริงๆ น่าจะประมาณปี 2557 ซึ่งต้องเดินเครื่องกำลังผลิตได้ 100% จึงจะสามารถประเมินรายรับที่เข้ามาได้รวมถึงในส่วนของรายได้ที่ลูกค้าออเดอร์มา ส่วนในปี 2557 คาดว่าผลประกอบการน่าจะเพิ่มเป็นประมาณ 1,500 ล้านบาท และจะเป็นอัตราการเจริญเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2556-2558

“กลยุทธ์ที่จะผลักดันไปให้ถึงเป้าหมายจะเป็นในส่วนของสถานที่ตั้งของโรงงาน ซึ่งตนมองว่าตั้งอยู่ใกล้จุดการค้าที่ได้เปรียบคู่แข่งขัน รวมทั้งมีฐานลูกค้าเดิมที่มั่นคงอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายการขายออกไปโดยรอบในแถบที่ใกล้โรงงาน อาทิ สิงห์บุรี อ่างทอง เป็นต้น เพื่อเพิ่มรายได้ในอนาคต” คุณวิทวัสกล่าว

ทั้งนี้ลูกค้าหลักส่วนใหญ่ของบริษัทจะอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ และในส่วนของหน่วยงานราชการของภาครัฐที่มีการก่อสร้างอาคารในทุกปี อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ กรมอาชีวศึกษา โรงพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น ซึ่งหน่วยงานราชการของภาครัฐจะมีการจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างอาคารรองรับการเพิ่มขึ้นของบุคลากรในทุกๆ ปี  แต่ในการก่อสร้างงานให้กับหน่วยงานของภาครัฐซึ่งจะมีเข้ามาทุกปี บริษัทจะพิจารณาก่อนเสมอว่าสถานที่ตั้งของลูกค้าต้องตั้งอยู่ในจุดที่ใกล้โรงงานเท่านั้น จึงจะดำเนินการให้เพื่อลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า

ส่วนการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC คุณวิทวัสกล่าวว่าส่งผลดีในด้านการเป็นพันธมิตรที่ดีในการแลกเปลี่ยนทางด้านการค้าและวัฒนธรรม โดยบริษัทมีการเตรียมแผนขยายพื้นที่ในการขายสินค้าในภาคอีสาน ซึ่งเป็นเขตพรมแดนที่จะสามารถต่อยอดขายสินค้าในประเทศลาวได้ ซึ่งเป็นการตีตลาดในวงกว้างออกไปได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อเปิด AEC ส่วนในประเทศพม่าเนื่องจากราคาที่ดินในประเทศพม่ายังมีราคาแพง ดังนั้นจึงยังไม่ได้เริ่มแผนธุรกิจเพิ่มเติม แต่มีการเตรียมพร้อมเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ลงทุนในพม่ากับบริษัท ไว้อย่างแน่นแฟ้นเพื่อต่อยอดธุรกิจในอนาคต

คุณวิทวัส กล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจในปี 2556 ว่าโดยภาพรวมดีอย่างต่อเนื่องซึ่งโตตามอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยมีลูกค้าสั่งออเดอร์เข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้ผลิตให้แทบไม่ทันเพราะมีโครงการก่อสร้างมากมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของประชากรที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน และอนาคตส่งผลให้แนวโน้มธุรกิจน่าจะดีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี

ส่วนนโยบายการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันทั่วประเทศตามนโยบายของภาครัฐไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทเนื่องจากบริษัทมีการจ้างพนักงานเกิน 300 บาทอยู่แล้วแต่ที่กระทบกับบริษัทจะเป็นในส่วนของการขาดแคลนแรงงานมากกว่า เนื่องจากปัจจุบันแรงงานที่เข้ามาทำงานจะเป็นคนงานที่ไร้สัญชาติ เช่น กระเหรี่ยง และผู้ที่อาศัยอยู่ตามชายแดน เป็นต้น  ดังนั้นจึงนำมาเข้าในระบบแรงงานไม่ได้ ประกอบกับแรงงานจริงๆ ที่เป็นพม่ามีน้อยมากที่เข้ามาทำงานอย่างถูกกฎหมาย

คุณวิทวัส กล่าวถึงสิ่งที่ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วยส่งเสริมและสนับสนุนว่าจะเป็นในเรื่องภาษี  โดยบริษัทใหญ่จะเสียภาษีอย่างตรงไปตรงมา แต่ยังมีบางบริษัทที่ยังแอบหลบเลี่ยงที่จะเสียภาษี ซึ่งตนมองว่าเป็นการไม่ยุติธรรมสำหรับบริษัทที่ปฎิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด  จึงต้องการให้รัฐบาลจัดตั้งหน่วยงานในการตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างจริงจัง  รวมทั้งควบคุมดูแลให้ทุกบริษัทเสียภาษีโดยไม่เลือกปฎิบัติ

ส่วนสิ่งที่อยากฝากถึงลูกค้าของบริษัทจะเป็นในเรื่องสินค้า ที่บริษัทขายโดยจะเป็นในส่วนของโครงสร้างอาคาร  ดังนั้นจึงอยากให้พิจารณาถึงคุณภาพมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดรวมถึงความปลอดภัยด้วย ซึ่งบริษัทได้มีการพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทั้งในด้านคุณภาพและมาตรฐานเป็นอย่างดี  โดยมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด 

“อยากแนะนำผลิตภัณฑ์ล่าสุดของบริษัทโดยเป็นบล็อกรุ่นใหม่ ขนาดหนา 20x20x30 ซม. ทำให้ผนังบ้านหนา มีมิติบริเวณหน้าต่าง สวยหรูดั่งบ้านในแถบยุโรป และคำนึงถึงเรื่องสุขภาพของเจ้าของบ้าน เนื่องจากมีคุณสมบัติกันความชื้นได้สูงต่อต้านการเกิดเชื้อรา นอกจากนี้สินค้าของบริษัทจะเน้นด้านคุณภาพ การบริการ ที่ได้มาตรฐานในราคาที่เหมาะสมซึ่งสามารถการันตีคุณภาพและความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี เพราะเราใส่ใจทุกรายละเอียดและมีความจริงใจและตรงไปตรงมาต่อลูกค้า” คุณวิทวัสกล่าว

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Sunday, 17 July 2022 11:10
BizFocus

Selfies labore, leggings cupidatat sunt taxidermy umami fanny pack typewriter hoodie art party voluptate. Listicle meditation paleo, drinking vinegar sint direct trade.

www.themewinter.com

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.

Page Visitor

010687637
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
4469
5608
10077
34353
147900
10687637
Your IP: 3.14.253.221
2024-05-06 20:51
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.