คลิงเกอร์ (ไทยแลนด์) ยิ้มรับ BOI หนุนต่อยอดธุรกิจ
คุณเจตพล โสมสุภางค์ศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คลิงเกอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ให้สัมภาษณ์พิเศษนิตยสารบิส โฟกัสในโอกาสได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในโครงการขยายไลน์การผลิตกึ่งออโตเมติกสำหรับปะเก็นกึ่งโลหะพร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ มูลค่าโครงการรวม 88 ล้านบาท เป้าหมายผลประกอบการ รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ดังนี้
นิตยสารบิส โฟกัส : รายละเอียดการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI
คุณเจตพล : บริษัทได้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เมื่อเดือนตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา ในโครงการขยายไลน์การผลิตกึ่งออโตเมติกสำหรับปะเก็นกึ่งโลหะพร้อมติดตั้งเครื่องจักรใหม่ มูลค่าโครงการรวม 88 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาอนุมัติ เนื่องจากยังติดปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองอยู่ คาดว่าจะได้รับการอนุมัติอย่างแน่นอน โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีนำเครื่องจักรและวัตถุดิบ
นิตยสารบิส โฟกัส : วัตถุประสงค์ในการขอส่งเสริมการลงทุนจาก BOI
คุณเจตพล : บริษัทต้องการเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตและจะจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายดังนี้ 1.จำหน่ายในประเทศออสเตรเลีย 30% ซึ่งเป็นการส่งคืนให้กับสำนักงานใหญ่ที่ประเทศออสเตรเลีย 2.จำหน่ายในเอเชีย 20% อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น 3.จำหน่ายในประเทศไทย 50% อาทิ ภาคใต้ โรงกลั่นในมาบตาพุด เป็นต้น
นิตยสารบิส โฟกัส : กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าใด/ปี
คุณเจตพล : สำหรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังจากติดตั้งเครื่องจักรเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นซึ่งสมมุติว่าจากเดิมถ้าเราผลิตได้ 36,000 ชิ้น/ปี คาดว่าจะเพิ่มเป็น 150,000 ชิ้น/ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีแรกคาดว่าในปีต่อๆ ไปจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นเท่าตัว
นิตยสารบิส โฟกัส : รายละเอียดการติดตั้งเครื่องจักรใหม่
คุณเจตพล : เครื่องจักรที่นำเข้ามาติดตั้งในเบื้องต้นประกอบด้วย 1.เครื่องตัดเลเซอร์ 1 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องมือ 2 มูลค่าประมาณ 6-7 ล้านบาท โดยเป็นเครื่องที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น แต่เรานำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย สำหรับประโยชน์ของเครื่องนี้คือจะสามารถทำให้ควบคุมต้นทุน เวลาและวัตถุดิบได้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น 2. เครื่องม้วนปะเก็นกึ่งออโตเมติก มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเครื่องจักรอื่นๆ อีกหลายเครื่องที่ยังไม่ได้นำมาติดตั้ง รวมมูลค่าเครื่องจักรทั้งหมดที่จะนำเข้ามาติดตั้ง 35 ล้านบาท โดยได้เริ่มติดตั้งเครื่องจักรเมื่อกลางปี 2556 ที่ผ่านมา คาดว่าจะดำเนินการติดตั้งแล้วเสร็จและพร้อมใช้งานได้สมบรูณ์ 100% หลังจากนี้อีก 1-2 ปีข้างหน้า
นิตยสารบิส โฟกัส : วางเป้าหมายผลประกอบการในปีนี้ไว้อย่างไร
คุณเจตพล : ในปี 2556 เราตั้งเป้าผลประกอบการไว้ที่ 40 ล้านบาท แต่ทำได้ 43.5 ล้านบาท ซึ่งเกินเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยรายได้ส่วนใหญ่ 95% มาจากตลาดในประเทศและในปี 2557 ตั้งเป้าผลประกอบการไว้ที่ 95 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายเนื่องจากมีตลาดต่างประเทศร่วมด้วย
นิตยสารบิส โฟกัส : ทิศทางการดำเนินงานในปี 2557
คุณเจตพล : ปัจจุบันเรามีมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 10% หากดำเนินการเพิ่มไลน์การผลิตและติดตั้งเครื่องจักรเรียบร้อยจะสามารถผลิตสินค้าออกมาได้อย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าจะขยายตลาดและมีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเป็น 50% เนื่องจากเป็นสินค้าที่ทางอุตสาหกรรมต้องใช้อยู่แล้วและถัดจากนี้อีก 3 ปี ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 65% ถึงแม้ว่าการตลาดมีการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงแต่เรามั่นใจในสินค้าของเราที่มีคุณภาพมาตรฐานและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยสนับสนุนให้กับลูกค้า รวมทั้งการให้ความรู้ลูกค้าเกี่ยวกับเรื่องปะเก็น ซึ่งการทำอุตสาหกรรมปะเก็นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเป็นเรื่องของ Engineering โดยตรง เรามีทีมที่สนับสนุนในส่วนนี้ไว้รองรับอยู่แล้วซึ่งจะเป็นจุดเด่นที่เหนือคู่แข่งและจะส่งผลให้เราเป็นผู้นำตลาดด้านนี้ในอนาคต
นอกจากนี้จะโฟกัสเรื่องการขยายไลน์การผลิตและติดตั้งเครื่องจักรเป็นหลักซึ่งจะครอบคลุมการดำเนินงานทั้งหมดของแผนงานในอีก 2 ปีถัดไปจากนี้ อย่างไรก็ตามการทำให้ระบบต่างๆ เสร็จสมบูรณ์จะต้องใช้เวลา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทยอยนำเข้าเครื่องจักร เมื่อระบบทุกอย่างดำเนินการเรียบร้อยเราจะต้องพัฒนาคุณภาพบุคลากรเพื่อสนับสนุนการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงระบบ IT เพื่อให้เดินไปพร้อมกันด้วย โดยเราจะลงระบบ IT ใหม่ทั้งหมดเพื่อเซ็ตระบบในการสนับสนุนการทำงานให้ครอบคลุมการทำงานในทุกส่วน โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 5 ล้านบาท
และเรายังมีแผนที่จะเพิ่มตลาดในต่างประเทศนั้นคือประเทศเวียดนาม โดยร่วมมือกับเซลล์ของสำนักงานใหญ่ในประเทศออสเตรเลียซึ่งมีประสบการณ์ในตลาดประเทศเพื่อนบ้านของเราช่วยหาลูกค้าเพิ่ม ซึ่งเรามองว่าเวียดนามเป็นตลาดที่ใหญ่ในระดับหนึ่งแต่ยังไม่ใหญ่เท่าตลาดในบ้านเรา โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2556 ที่ผ่านมา