November 22, 2024

พี เอ พีทุ่ม1,000 ลบ. เร่งต่อยอดธุรกิจ / Issue 019, August 2014

Star InactiveStar InactiveStar InactiveStar InactiveStar Inactive
 

พี เอ พีทุ่ม1,000 ลบ. เร่งต่อยอดธุรกิจ

พี เอ พี อัดงบ 1,000 ลบ. หนุนธุรกิจเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง เดินแผนนำเข้าถังแก๊สคอมโพสิตจากเกาหลีทดสอบตลาดไทย บวกจ่อคิวสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สคอมโพสิตเป็นรายแรกของประเทศ พร้อมประกาศบุกตลาดต่างประเทศเต็มพิกัด แย้มเตรียมแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ Q1/2558 ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 3,500-4,000 ลบ. ลั่นอีก 3 ปีข้างหน้าโตเพิ่มอีก 20%

คุณวิโรจน์ จันทราประภาเวช รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวิสาหกิจสัมพันธ์ และซัพพลายเชน บริษัท พี เอ พี แก็ส แอนด์ ออยล์ จำกัด เปิดเผยถึงแผนการลงทุนว่า บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท ฮุนได บี เอสแอนด์ ซี จำกัด จากประเทศเกาหลี เพื่อผลิตถังแก๊สคอมโพสิต ภายใต้ชื่อ "อิ่ม อุ่น" ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งโรงงานทดสอบถังแก๊ส เพื่อให้ได้รับใบอนุญาตมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) โดยอยู่ในช่วงเริ่มต้นนำเข้าเครื่องจักรทดสอบจากประเทศเกาหลี คาดว่าจะติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จไม่เกินภายใน 3 เดือนนับจากนี้ไป

ทั้งนี้หลังจากติดตั้งเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะเริ่มดำเนินการทดสอบถังแก๊สจำนวน 64 ใบ ขนาด 3 กิโลกรัมและ 6 โลกรัม และหลังจากผ่านการทดสอบและได้มาตรฐาน มอก. แล้ว บริษัทจะนำเข้าถังแก๊สคอมโพสิตจากบริษัท ฮุนได บี เอสแอนด์ ซี จำกัด มาจำหน่ายในประเทศไทยเพื่อเป็นการทดสอบตลาด โดยในช่วงแรกจะนำเข้ามาประมาณ 100,000  ใบ ขนาด 3 กิโลกรัมและ 6 กิโลกรัม หรือขนาดละ 50,000 ใบ คาดว่าจะเริ่มนำเข้ามาในช่วงต้นปี 2558 และจะวางหน่ายในช่วงกลางปี

อย่างไรก็ตาม ถังแก๊สคอมโพสิตเป็นถังรูปแบบใหม่และผู้ใช้ยังไม่ทราบถึงความปลอดภัย ดังนั้นบริษัทจะต้องมีการสื่อสารกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยจะมีการจัดแคมเปญโฆษณา ก่อนที่จะนำถังออกสู่ตลาด สำหรับราคาเบื้องต้นของถังแก๊สคอมโพสิตขนาด 3 กิโลกรัมพร้อมน้ำแก๊สจะไม่เกิน 1,500 บาท ส่วนถังคอมโพสิตขนาด 6 กิโลกรัมพร้อมน้ำแก๊ส ราคาจะไม่เกิน 2,000  บาท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง โดยบริษัทได้เตรียมใช้งบประมาณในด้านการตลาดไว้ที่ 100 ล้านบาท

ส่วนเหตุผลของการตัดสินใจนำถังคอมโพสิตเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย เนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่าถังเหล็กกว่า 50 %  มีความปลอดภัยสูง ไม่เกิดประจุประกายไฟ ไม่เกิดการระเบิด ถึงแม้ว่าจะเกิดการระเบิด เศษชิ้นส่วนที่ระเบิดออกมาจะกระจายไม่เกิน 10 เมตร อยู่ในวงรัศมีแคบๆ ไม่กว้าง ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากค่ายทหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่า หากนำถังคอมโพสิตเข้ามาแทนถังแก๊สเหล็กในเมืองไทย จะทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้าย เพราะมีน้ำหนักเบา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้บริษัทผลิตถังแก๊สคอมโพสิตขนาด 3 กิโลกรัมหรือถังแคมปิ้ง

“ เรามองว่าประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่ที่ผู้ใช้ เพราะจะได้ใช้ถังที่มีความปลอดภัย สะดวกสบายในการขนย้าย อีกทั้งยังมีรูปแบบสวยงาม สามารถเป็นเครื่องประดับภายในบ้านอีกด้วย โดยมีให้เลือกถึง 7 สี ถึงแม้ว่าราคาจะสูงกว่าถังเหล็กบ้างเล็กน้อย ซึ่งในระยะแรกที่นำเข้าถังแก๊สคอมโพสิตจากเกาหลี ราคาอาจยังสูงอยู่บ้างแต่เมื่อเรามีการผลิตที่เมืองไทยแล้ว และใช้วัตถุดิบในเมืองไทย เราจะได้ถังที่ราคาใกล้เคียงกับถังเหล็ก  คุณวิโรจน์กล่าว

ในขณะเดียวกัน ในช่วงต้นปี 2558 บริษัทจะเริ่มก่อสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สคอมโพสิต โดยโรงงานจะตั้งอยู่ที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะใช้งบลงทุนประมาณ 800  ล้านบาท ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2559 และจะเริ่มต้นผลิตในต้นปี 2560  ซึ่งจะผลิตถังจะมี 3 ขนาดคือ 3, 6, และ 15 กิโลกรัม

คุณวิโรจน์กล่าวต่อว่าหลังจากที่โรงงานผลิตถังแก๊สคอมโพสิตแล้วเสร็จ บริษัทมีโครงการที่จะส่งถังแก๊สที่ผลิตในเมืองไทยส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อุซเบกิสฐาน อิหร่าน อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากและยังมีความต้องการใช้แอลพีจีสูง ตนจึงมองว่าการสร้างโรงงานผลิตถังแก๊สคอมโพสิตในเมืองไทยเป็นโปรเจคใหญ ซึ่งจะในปีแรกตั้งเป้าผลิต 100,000 ใบ หลังจากนั้นจะเพิ่มเป็น 200,000 , 300,000 ใบ ตามลำดับ ซึ่งแล้วแต่ความต้องการของตลาด พร้อมทั้งได้เตรียมงบประมาณในการบุกตลาดต่างประเทศ 100 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในปี 2558  บริษัทมีแผนที่นำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงไตรมาสแรก ดังนั้นจะต้องรีบดำเนินการโปรเจคก่อสร้างโรงงานผลืตถังแก๊สคอมโพสิตให้แล้วเสร็จภายในปีหน้า เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่บริษัท  ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของผู้บริหารและที่ปรึกษา ทั้งนี้หลังจากการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯแล้ว บริษัทจะทำการระดมทุนและนำเงินไปใช้ในโปรเจคอื่นๆ อาทิ  พลังงานไฟฟ้า,ไบโอแก๊ส, พลังงานทดแทน และโรงไฟฟ้าขนาดย่อม เป็นต้น ซึ่งจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานทั้งหมด

คุณวิโรจน์กล่าวต่อถึงการขยายสถานีบริการแอลพีจีว่า ในปีนี้บริษัทไม่มีนโยบายลงทุนเปิดสถานีบริการใหม่ เพราะถือว่าเติบโตอย่างเต็มที่แล้ว ประกอบกับต้องใช้เงินลงทุนสูงประมาณ 10-12 ล้านบาท/แห่ง เพราะที่ดินและวัสดุก่อสร้างมีราคาแพงมากขึ้น ดังนั้นจึงมาเน้นในด้านอื่นๆ แทน เช่น การผลิตถังแก๊สคอมโพสิต เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนจะขยายฐานลูกค้าหรือดีลเลอร์จากปัจจุบัน 250 แห่งทั่วประเทศ และจะขยายให้เพิ่มเป็น 300  แห่งภายในปีนี้ โดยบริษัทจะช่วยสนับสนุนในด้านการตกแต่งร้านเพื่อให้ทันสมัยและตรงกับคอนเซ็ปต์ของบริษัท

“ ขณะนี้การแข่งขันของผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะแข่งขันในเรื่องของราคา หรือเรียกว่าสงครามทะเลเดือด แต่เราจะเน้นเรืองแก๊สคุณภาพ เป็นแก๊สธรรมชาติ เพราะฉะนั้น ราคาจึงค่อนข้างสูง แต่เมื่อผู้บริโภคใช้แล้วจะติดใจ โดยจะบอกปากต่อปากว่าเมื่อใช้แล้วเครื่องยนต์วิ่งดี ได้ระยะทางมากขึ้น นอกจากนี้เรายังยึดมั่นในหลักการของเรา คือการบริการที่ดี การส่งแก๊สตามกำหนดเวลา ไม่มีการตุกติกกับลูกค้า เน้นการเที่ยงตรง ซื่อสัตย์ และมีหลักธรรมภิบาล” คุณวิโรจน์กล่าว

คุณวิโรจน์กล่าวต่อถึงเป้าหมายผลประกอบการในปีนี้ว่า ต้องยอมรับว่าอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากในช่วงต้นปีจนถึงกลางปี เศรษฐกิจถดถอยมาก ทำให้ทุกคนระมัดระวังในการใช้จ่าย ส่งผลให้ปริมาณการใช้แอลพีจีลดลงและส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการทุกราย ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม หรือภาคขนส่ง

สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 3,500-4,000 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มน่าจะดีขึ้น เนื่องจาก คาดว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศในเดือนตุลาคมนี้ แต่ก็ต้องดูทิศทางของรัฐบาลชุดใหม่ประกอบด้วยว่าจะมีนโยบายอย่างไร มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนหรือไม่ และอยากให้มีความเท่าเทียมแก่ผู้ประกอบการทุกราย ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่

ส่วนแนวโน้มธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ไปในช่วง 3 ปี (2558-2560 ) จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเติบโตจากปี 2557 อีก 20% สืบเนื่องจากแผนการบุกตลาดถังแก๊สคอมโพสิตมากขึ้น บวกกับในปี 2558 บริษัทจะเปิดคลังบรรจุแก๊สอีก 2 แห่งที่นครสวรรค์และขอนแก่น รวมทั้งอาจมีการสร้างคลังบรรจุแก๊สที่ภาคใต้เพิ่มอีก 1 แห่ง เพื่อความสะดวกในการดำเนินงานและรองรับถังแก๊สคอมโพสิตที่จะบุกภาคใต้ โดยอาจเลือกเปิดที่สุราษฎร์ธานีหรือสงขลา

Page Visitor

012542689
Today
Yesterday
This Week
This Month
Last Month
All days
15675
18787
103982
350480
432245
12542689
Your IP: 18.222.163.231
2024-11-22 18:15
© 2024 Biz Focus Magazine All Rights Reserved.