CPanel รุกเพิ่มกำลังผลิตรับตลาดโต
CPanel ตั้งเป้ารายได้ปีนี้กว่า 400 ลบ. เร่งขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีกเท่าตัว ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำจุดเด่นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ Precast มีค่าคลาดเคลื่อนน้อย มีความสวยงาม แข็งแรง และร่นเวลาก่อสร้าง
คุณชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด หรือ CPanel ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูปมาตรฐานสูง เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 300-400 ล้านบาท ซึ่งในช่วงต้นปีนี้ที่ผ่านมา บริษัทมี Backlog แล้วกว่า 100-200 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากปัจจุบันผลิตภัณฑ์ Precast ได้รับความนิยมให้เข้าไปทดแทนการก่อสร้างแบบเดิม (ก่ออิฐฉาบปูน) เพื่อเพิ่มความสะดวกและความรวดเร็วในการก่อสร้างมากขึ้น
โดยในปีนี้ บริษัทจะดำเนินการเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต และมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิต เพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตประมาณ 430,000 ตารางเมตรต่อปี และจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเป็น 860,000 ตารางเมตรต่อปีภายในปลายปีนี้ เพื่อให้บริษัทมีสินค้าที่เพียงพอสำหรับความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ในการเพิ่มกำลังการผลิตนี้ หากเทียบขนาดโรงงานของเรากับโรงงานของต่างประเทศแล้ว จะถือว่าเรามีโรงงานที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ซึ่งจะช่วยให้สินค้าของเราเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าที่เริ่มหันมาใช้ Precast มากขึ้น โดยการเพิ่มกำลังการผลิตนี้ เมื่อเปรียบเทียบแล้ว เราจะสามารถผลิต Precast สำหรับบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ได้ประมาณวันละ 10 หลัง และทาวน์โฮม ได้ประมาณวันละ 20 หลัง” คุณชาคริต กล่าว
ส่วนจุดแข็งของบริษัท คือเทคโนโลยี ซึ่งนับเป็นรายเดียวในประเทศที่ใช้หุ่นยนต์เป็นตัวนำในการผลิตคอนกรีต อาทิ เครื่องทอตะแกรงเหล็ก โดยออกแบบด้วยระบบ 3D และเครื่องจักรสามารถทำได้ตามแบบที่ได้กำหนดไว้ ในส่วนของการหล่อ บริษัทใช้หุ่นยนต์ในการหล่อคอนกรีตซึ่งมีขนาดที่ถูกต้อง มีค่าความคลาดเคลื่อนของ Precast เพียง 1.5 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่มีคลาดเคลื่อนน้อยได้ขนาดนี้
คุณชาคริต กล่าวต่อว่า ในปีนี้แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการหันมาใช้วัสดุก่อสร้างสำเร็จรูป หรือ Precast มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถตอบโจทย์ต่อการเปลี่ยนแปลงงานก่อสร้างในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน บริษัทยังเชื่อมั่นว่าเทรนด์การใช้งานวัสดุก่อสร้างสำเร็จรูปในอนาคตจะมีแนวโน้มที่เติบโตมากขึ้นอย่างแน่นอน
ส่วนวิสัยทัศน์ในการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ปลายปีนี้ คุณชาคริตกล่าวว่า ตนมองว่าอุตสาหกรรมการก่อสร้างในประเทศไทย ค่อนข้างจะได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะประเทศเพื่อนบ้านใช้มาตรฐานด้านวิศวกรรมจากประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่ แต่หากเปรียบเทียบผู้นำทั้งในอาเซียนแล้วจะประกอบไปด้วย ประเทศไทย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ เป็นต้น และเมื่อพิจารณาจากเทคโนโลยีและโนว์ฮาวแล้วก็จะเหลือแค่ประเทศไทยและมาเลเซีย
อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังได้เปรียบในเรื่องของโลจิสติกส์ ซึ่งหากมาเลเซียจะจำหน่ายสินค้าให้กับเมียนมาร์หรือสปป.ลาว ก็จะต้องผ่านประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ปัจจัยบวกซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจอุตสาหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ คือจะมีนักธุรกิจจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสนใจลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมากขึ้น
คุณชาคริต กล่าวปิดท้ายถึงการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่า บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป หรือ Precast สำหรับก่อสร้างอาคารและมีทีมงานที่มีศักยภาพในการดำเนินการทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นการออกแบบและการประกอบ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าลูกค้ามีอาคารอยู่แล้ว บริษัทก็สามารถถอดแบบเป็น 3D และนำมาผลิตเป็น Precast ด้วยหุ่นยนต์ และนำไปประกอบหน้างานให้ด้วย เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย โดยลูกค้าจะได้บ้านที่มีความแข็งแรง รูปทรงสวยงาม และก่อสร้างเสร็จในระยะเวลาที่ไม่นาน รวมทั้ง Precast ที่บริษัทผลิตมีค่าความคลาดเคลื่อนน้อยมาก